
คณะกรรมการบริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบังคับ และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท รวมทั้งได้ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน (The Principles of Good Corporate Governance of Listed Companies) ตามแนวทางที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานของบริษัทเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงานทำให้เกิดความโปร่งใสต่อนักลงทุนอันจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อบุคคลภายนอก และเผยแพร่ไปยังกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัทและผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ โดยอ้างอิงหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน
โดยมีการประกาศใช้จรรยาบรรณธุรกิจและข้อพึงปฏิบัติในการทำงาน พร้อมทั้งกำหนดให้พนักงานเข้ารับการอบรมและผ่านการรับรองจรรยาบรรณธุรกิจเป็นประจำทุกปี มีการเน้นย้ำในการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ กฎเกณฑ์ และข้อบังคับ โดยเฉพาะมาตรฐานทางจริยธรรม จึงถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของบริษัทที่จะให้พนักงานทุกคนนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีไปใช้อย่างเคร่งครัดโดยสมบูรณ์ เพื่อให้ปราศจากการประพฤติมิชอบในหน้าที่
ความท้าทายที่สำคัญอีกประการ คือ การมีระบบการกำกับดูแลกิจการที่มีประสิทธิภาพ มีกระบวนการกำกับดูแลกิจการที่มีประสิทธิภาพ และมีกระบวนการติดตามการดำเนินงานที่เข้มงวด โดยเชื่อมโยงข้อมูลของการบริหารความเสี่ยง กฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ และหลักธรรมาภิบาลเข้าด้วยกัน ทำให้การบริหารงานบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย สร้างความไว้วางใจให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย
การกำกับดูแลกิจการที่ดีสู่ความยั่งยืนของบริษัท
บริษัทได้กำหนด ให้มีการพิจารณาทบทวนคู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดี จรรยาบรรณและข้อพึงปฏิบัติในการทำงานและติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งโดยผ่านการนำเสนอจากคณะกรรมการความยั่งยืนและบรรษัทภิบาล เพื่อปรับปรุงคู่มือฯ ดังกล่าวให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และสามารถนำไปปรับใช้ได้ทั่วทั้งองค์กรครอบคลุมถึงบริษัทย่อยได้ ตลอดจนข้อมูลสรุปเกี่ยวกับหลักปฏิบัติที่ยังดำเนินการไม่ได้สำหรับบริษัทพร้อมทั้งเหตุผลและมาตรการทดแทน
นอกจากนี้บริษัทได้สื่อสารและเผยแพร่ให้คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับต้องลงนามรับทราบและยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติส่วนหนึ่ง ในการทำงานนำไปยึดถือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเผยแพร่บน Website ของบริษัทและช่องทางสื่อสารภายในของบริษัท
นโยบายความหลากหลายของกรรมการ
การสรรหากรรมการจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของความหลากหลายของคณะกรรมการบริษัทในด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงประวัติการศึกษา ประสบการณ์ในวิชาชีพ ทักษะและความรู้ โดยไม่จำกัดเพศ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา หรือ ความแตกต่างอื่นใด
ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัท ในการสรรหากรรมการจึงมีเป้าหมายดังนี้
- คณะกรรมการบริษัทควรมีเพศหญิงอย่างน้อย 1 ท่าน
- มีคณะกรรมการอิสระไม่น้อยกว่า 3 ท่าน ซึ่งคิดเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของคณะกรรมการทั้งหมด
- ไม่จำกัดเพศ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา
- ประกอบด้วยความรู้ความชำนาญเฉพาะด้าน (Skill Matrix) ดังนี้
- ธุรกิจของบริษัท - ธุรกิจระหว่างประเทศ
- การตลาดและกลยุทธ์ - บัญชีและการเงิน
- บริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ - การจัดการความเสี่ยงและการตรวจสอบ
- วิศวะกรรม - กฎหมาย
- เทคโนโลยีสารสนเทศน์/นวัตกรรม - การบริหารทรัพยากรบุคคล
- ความยั่งยืนและการกำกับดูแลกิจการ
ผลการดำเนิน
ความหลากหลายของคณะกรรมการ(Board Diversity) เพศชาย 9 คน เพศหญิง 1 คน (10%)
กรรมการรวม 10 คน (100%) |
การประชุมคณะบริษัท 8 ครั้ง |
กรรมการที่เป็นผู้บริิหาร (Executive Director) 6 คน (60%) |
การเข้าประชุุมคณะกรรมการบริษัทเฉลี่่ย 100% |
กรรมการอิสระ (Independent Directors) 4 คน (40%) |
ความหลากหลายของคณะกรรมการ(Board Diversity) |
กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารและไม่ใช่กรรมการอิสระ - คน |
ด้านความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาระดับการกำกับดูแลกิจการของบริษัท เพื่อให้สามารถเทียบเคียงได้กับบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ อันจะส่งผลต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท คณะกรรมการจึงมีการทบทวนความเหมาะสม และความเพียงพอของนโยบายและแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการและจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัทเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินธุรกิจสภาพแวดล้อมที่อาจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งรวมถึงกฎหมาย กฎเกณฑ์ แนวปฏิบัติ และความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย
ในปี 2567
- คณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบการปรับปรุงนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นครั้งที่ 6 โดยเป็นการปรับปรุงหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการทีดี และสถานการณ์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นและเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการดำเนินงานบนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการที่ดี ทำให้บริษัทได้รับการจัดอันดับด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ในระดับดีเลิศ (Excellent) หรือ 5 ตราสัญลักษณ์ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (Corporate Governance Report : CGR) ประจำปี 2567 ติดต่อกันเป็นปีที่ 5
- กรรมบริษัททุกท่านมีวาระดำรงตำแหน่งต่อเนื่องไม่เกิน 9 ปี นับจากวันที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการครั้งแรก
- กรรมบริษัททุกท่านเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทจดทะเบียนของกรรมการแต่ละท่านรวมแล้วไม่เกิน 5 บริษัท (โดยไม่มีข้อยกเว้น) เพื่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่
- บริษัทกำหนดตารางการประชุมกรรมการบริษัทล่วงหน้าตลอดทั้งปี และแจ้งให้คณะกรรมการทราบล่วงหน้าก่อนสิ้นปีของปีปัจจุบัน เพื่อวางแผนเข้าร่วมประชุม โดยบริษัทได้จัดการประชุมทุก ๆ เสาร์ที่ 1 หรือ 2 ของเดือน กุมภาพันธ์ เมษายน (หลัง AGM) พฤษภาคม สิงหาคม พฤศจิกายน ธันวาคม และอาจมีการประชุมพิเศษเพิ่มตามความจำเป็น
- มีการกำหนดวาระประชุมชัดเจนล่วงหน้า และมีวาระพิจารณาติดตามผลการดำเนินงานเป็นประจำ บริษัทจะจัดส่งหนังสือเชิญประชุมพร้อมระเบียบวาระการประชุม และเอกสารประกอบการประชุมให้กรรมการทุกท่านล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 5 วันก่อนวันประชุม เพื่อให้คณะกรรมการได้มีเวลาศึกษาข้อมูลอย่างเพียงพอก่อนเข้าร่วมประชุม เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน
ด้านการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส
บริษัทจัดทำคำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ (Management Discussion and Analysis) เพื่อประกอบการเปิดเผยงบการเงินและจัดทำจดหมายข่าว เพื่อรายงานผลประกอบการฉบับย่อเป็นประจำทุกไตรมาส โดยเผยแพร่ผ่าน Website ของบริษัท รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรม Opportunity Day ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ปี 2567 บริษัทเข้าร่วมกิจกรรม Opportunity Day จำนวน 2 ครั้ง และจัดทำจดหมายข่าวเผยแพร่ผ่านทาง Website บริษัท รายละเอียดดังนี้
- วันที่ 6 มีนาคม 2567 เพื่อรายงานผลประกอบการของปี 2566
- วันที่ 28 สิงหาคม 2567 เพื่อรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2567
ค่าตอบแทนกรรมการ
ในมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2568 ที่ผ่านมามีการปรับโครงสร้างค่าตอบแทนกรรมการบริษัท ดังนี้
ตำแหน่ง |
ค่าตอบแทน (บาท/ปี) |
||
1. |
ประธานกรรมการบริษัท |
1,200,000 |
|
2. |
ประธานกรรมการตรวจสอบ |
280,000 |
|
3. |
ประธานกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน |
140,000 |
|
4. |
ประธานกรรมการความยั่งยืนและบรรษัทภิบาล |
140,000 |
|
5. |
กรรมการอิสระ |
330,000 |
|
6. |
กรรมการตรวจสอบ |
200,000 |
|
7. |
กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน |
100,000 |
|
8. |
กรรมการความยั่งยืนและบรรษัทภิบาล |
100,000 |
|
9. |
กรรมการ |
180,000 |
|
10. |
เบี้ยประชุมคณะกรรมการบริษัท |
||
- ประธานกรรมการบริษัท |
10,000 บาท/ครั้ง |
||
- กรรมการอิสระ |
5,000 บาท/ครั้ง |
||
หมายเหตุ : 1. ค่าตอบแทนประธานกรรมการรวมตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการอิสระแล้ว |
ทั้งนี้ ไม่มีสิทธิประโยชน์อื่นใดให้แก่กรรมการนอกจากค่าตอบแทนกรรมการและโบนัสประจำปี ซึ่งกรรมการที่เป็นผู้บริหารไม่ได้รับโบนัสในฐานะกรรมการบริษัท |
การประเมินผลงานของคณะกรรมการ
บริษัทจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยใช้แนวทางการประเมินผลงานของคณะกรรมการจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเลขานุการบริษัทจะเป็นผู้ส่งแบบประเมินผลงานของคณะกรรมการ ให้แก่คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อย เพื่อใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการทั้งคณะและประเมินผลการปฏิบัติงานของตนเอง จากนั้นรวบรวมคะแนนและสรุปผลเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการความยั่งยืนและบรรษัทภิบาลและคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาทบทวนผลการประเมิน ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานระหว่างปีที่ผ่านมา เสนอแนะแนวทางปรับปรุงแก้ไข และนำผลการประเมินไปพัฒนาประสิทธิภาพการทำหน้าที่ของคณะกรรมการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการกำกับดูแลกิจการที่ดีต่อไป โดยมีเกณฑ์การประเมินผลคิดเป็นร้อยละจากคะแนนเต็ม ดังนี้
ร้อยละ 90 – 100 = ดีเยี่ยม
ร้อยละ 76 – 89 = ดีมาก
ร้อยละ 66 – 75 = ดี
ร้อยละ 50 – 65 = พอใช้
ต่ำกว่าร้อยละ 50 = ควรปรับปรุง
หัวข้อในการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการรายคณะ มีดังนี้
(1) โครงสร้างและคุณสมบัติของคณะกรรมการ
(2) บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
(3) การประชุมคณะกรรมการ
(4) การทำหน้าที่ของกรรมการ
(5) ความสัมพันธ์กับฝ่ายจัดการ
(6) การพัฒนาตนเองของกรรมการและการพัฒนาผู้บริหาร
(7) ผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัท โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
หัวข้อในการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการรายบุคคล มีดังนี้
(1) โครงสร้างและคุณสมบัติของคณะกรรมการ
(2) การประชุมของคณะกรรมการ
(3) บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
สำหรับผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อยและการประเมินกรรมการรายบุคคลในภาพรวมประจำปี 2566 ดังนี้
ผลการประเมิน |
ปี 2566 |
|
รายบุคคล |
รายคณะ |
|
คณะกรรมการบริษัท |
ดีมาก |
ดีมาก |
คณะกรรมการตรวจสอบ |
ดีเยี่ยม |
ดีเยี่ยม |
คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน |
ดีเยี่ยม |
ดีเยี่ยม |
คณะกรรมการความยั่งยืนและบรรษัทภิบาล |
ดีเยี่ยม |
ดีเยี่ยม |
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง |
ดีมาก |
ดี |
ทั้งนี้ คณะกรรมการยังได้ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการกำกับดูแลกิจการ
การประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารสูงสุด
คณะกรรมการบริษัทจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารสูงสุดเป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในหัวข้อเกี่ยวกับความเป็นผู้นำ การกำหนดและปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์ การวางแผนและผลการปฏิบัติ ทางการเงิน ความสัมพันธ์กับคณะกรรมการ ความสัมพันธ์กับภายนอก การบริหารงานและความสัมพันธ์กับบุคลากร การสืบทอดตำแหน่ง ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์และบริการ การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน การกำกับดูแลกิจการ ความยั่งยืน และคุณลักษณะส่วนตัว โดยใช้แนวทางการประเมินจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยขั้นตอนการประเมินนั้นเลขานุการบริษัทจะจัดส่งแบบประเมินดังกล่าวให้กรรมการอิสระหรือกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารหรือคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน เพื่อทำการประเมินผลการปฏิบัติงาน และนำผลการประเมินไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (ที่ไม่เป็นผู้บริหาร) ต่อไป
สำหรับผลการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารในภาพรวมประจำปี 2567 มีดังนี้
ผลการประเมิน |
ปี 2567 |
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร |
ดีเยี่ยม |
แผนการกำหนดผู้สืบทอดตำแหน่ง (Succession Planning)
บริษัทให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความยั่งยืนและต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ คณะกรรมการบริษัทจึงมอบหมายให้คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนดำเนินการดูแลให้มีการจัดทำแผนสืบทอดตำแหน่งของผู้บริหารสูงสุดของบริษัท และมีการทบทวนแผนดังกล่าวเป็นระยะ โดยพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ ของผู้บริหารที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายเหมาะสม เช่น คุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และมีการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นระยะ
วัตถุประสงค์เพื่อวางแผนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลไว้ล่วงหน้าในเชิงรุก โดยวางแผนและพัฒนาจากคนในองค์กรที่มีศักยภาพในตำแหน่งงานสำคัญ เพื่อทดแทนและสืบทอดตำแหน่งงานที่มีการเกษียณอายุหรือรักษคนเก่งที่อาจถูกหมายปองจากภายนอก ลดความสูญเสียบุคคลกรที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ เป็นแรงจูงใจในการรักษาพนักงานที่มีความสามารถและมีศักยภาพไว้ พร้อมทั้งมีโอกาสได้พัฒนาและปรับเลื่อนในตำแหน่งที่สูงขึ้น ดังนี้
- ผู้บริหารสูงสุดเป็นผู้จัดทำแผนสืบทอดตำแหน่งและนำเสนอคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนพิจารณาและนำเสนอคณะกรรมการบริษัทอนุมัติ
- คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน จัดให้มีการติดตามความคืบหน้าของแผนสืบทอดตำแหน่ง ตั้งแต่การระบุผู้สืบทอดตำแหน่ง การพัฒนาศักยภาพ ตลอดจนการประเมินผล
- เมื่อตำแหน่งของผู้บริหารสูงสุดของบริษัทว่างลง/ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนมีหน้าที่ในการคัดเลือกผู้บริหารสูงสุดคนใหม่ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติแต่งตั้งผู้ที่มีความเหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งแทนต่อไป
โดยในปี 2567 บริษัทมีการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงาน ให้มีความเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น และเพื่อให้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์สู่การเจริญเติบโตในอนาคต คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนพิจารณาร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารปัจจุบัน ในการกำหนดทักษะความรู้้ความสามารถในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่่บริหารให้เหมาะสมกับองค์กร มีการจัดทำแผนการสืบทอดตำแหน่งโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท (ที่ไม่ใช่ผู้บริหาร) และประธานกรรมการบริหาร เพื่อให้พิจารณาต่อไป โดยมีแผนพัฒนากลุ่มผู้บริหารที่มีศักยภาพสูงและติดตามประเมินผลงานทุกปี
การรับข้อร้องเรียนและแจ้งเบาะแส

ในปี 2567 บริษัทติดตามรายงานการแจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียนผ่านช่องทางในการร้องเรียนทั้ง 6 ช่องทาง พบว่าได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 7เป็นประเด็นสินค้า บริการและการอำนวยความสะดวกของพนักงาน และไม่มีผู้แจ้งเบาะแสข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันหรือการทำผิดคุณธรรมจริยธรรม อย่างไรก็ดีประเด็นเรื่องร้องเรียนดังกล่าวได้ดำเนินการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการให้ความสำคัญเรื่องการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างสุจริต ซื่อสัตย์และมีคุณธรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท
บริษัทส่งเสริมการปฏิบัติงานและการกำกับดูแลกิจการอย่างโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้มาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ร้องเรียนสามารถสอบถามรายละเอียดแจ้งข้อร้องเรียน หรือแจ้งเบาะแสการกระทำผิดทางกฎหมาย ความไม่ถูกต้องของรายงานทางการเงิน ระบบควบคุมภายในที่บกพร่องหรือการผิดจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท ส่งเรื่องร้องเรียนได้ผ่าน 6 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ โทรศัพท์ อีเมล จดหมาย และด้วยตนเอง โดยหน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์และเลขานุการบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบในการรับความคิดเห็น ข้อร้องเรียนต่าง ๆ จากผู้ถือหุ้นและนักลงทุนขณะที่ตัวแทนฝ่ายบริหารและฝ่ายทรัพยากรมนุษย์รับผิดชอบในการรับข้อคิดเห็นและเรื่องราวร้องทุกข์จากพนักงาน ทั้งนี้ บริษัทได้จัดทำวิธีปฏิบัติงานต่อข้อร้องเรียนของผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ อย่างชัดเจน เพื่อรักษาสิทธิรวมถึงคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้ร้องเรียน โดยผู้ร้องเรียนดังกล่าวจะได้รับความคุ้มครองและเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวไว้เป็นความลับ ซึ่งเข้าถึงได้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีมีข้อร้องเรียนว่าอาจมีการกระทำความผิดจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงและผู้แทนจากส่วนงานที่ไม่มีส่วนได้เสียในเรื่องดังกล่าว เพื่อสอบสวนและดำเนินการตามข้อบังคับทางวินัยของบริษัท และรายงานต่อคณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการบริษัทต่อไป
ช่องทางในการร้องเรียน
ช่องทางที่ 1 การร้องเรียนด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่ บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) : 42/174 หมู่ 5 ซอยศรีเสถียรนิเวศน์
ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
ช่องทางที่ 2 การร้องเรียนโดยจัดทำเป็นหนังสือและส่งมาที่เลขานุการบริษัท : บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) 42/174 หมู่ 5
ซอยศรีเสถียรนิเวศน์ ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
ช่องทางที่ 3 การร้องเรียนทางโทรศัพท์หรือโทรสาร : โทรศัพท์ 0-2429-0354-7 ต่อ 501 หรือ โทรสาร 0-2429-0358
ช่องทางที่ 4 การร้องเรียนผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท (www.tpbigroup.com)
ช่องทางที่ 5 การร้องเรียนผ่านทางอีเมล
คณะกรรมการตรวจสอบ :
นักลงทุนสัมพันธ์ :
เลขานุการบริษัท :
ช่องทางที่ 6 กล่องรับความคิดเห็น สำหรับพนักงาน