Skip to main content

การกำกับดูแลกิจการที่ดี

(+66) 02 429 0354 - 7
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

คณะกรรมการบริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) มีนโยบายที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับ และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท รวมทั้งได้ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ของบริษัทจดทะเบียน (The Principles of Good Corporate Governance of Listed Companies) ตามแนวทางที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานของบริษัทเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทำให้เกิดความโปร่งใสต่อนักลงทุนอันจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อบุคคลภายนอก และเผยแพร่ไปยังกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัท และผู้มีส่วนได้เสีย โดยอ้างอิงหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2555 และหลักการกำกับกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2560

การกำกับดูแลกิจการที่ดี

  • สิทธิของผู้ถือหุ้น

              บริษัทตระหนักและให้ความสำคัญในสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ของผู้ถือหุ้นไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือผู้ถือหุ้นรายย่อย ผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นที่มิได้เป็นผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยหรือต่างชาติอย่างเป็นธรรม ทั้งในฐานะของนักลงทุนในหลักทรัพย์และเจ้าของบริษัท เช่น สิทธิในการซื้อ ขาย โอน หลักทรัพย์ที่ตนถืออยู่ สิทธิในการที่จะได้รับส่วนแบ่งผลกำไรจากบริษัท สิทธิในการได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอ สิทธิต่างๆ ในการประชุมผู้ถือหุ้น สิทธิในการแสดงความคิดเห็น สิทธิในการกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท สิทธิในการร่วมตัดสินใจในเรื่องที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัท เช่น  การจัดสรรเงินปันผล การแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการ การแต่งตั้งผู้สอบบัญชี การอนุมัติธุรกรรมที่สำคัญและมีผลต่อทิศทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมถึงการแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท เป็นต้น

    ทั้งนี้ บริษัทมีพันธกิจในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้น ดังนี้

    กำหนดการจัดประชุมผู้ถือหุ้น

              บริษัทได้กำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปีละหนึ่งครั้ง ภายในเวลาไม่เกิน 4 เดือนนับแต่วันสิ้นสุดรอบปีบัญชีของบริษัท และในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องเสนอวาระเป็นกรณีพิเศษ  ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบหรือเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นหรือเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ กฎหมายที่ใช้บังคับที่ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น บริษัทจะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเป็นกรณีไป ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งหรือหลายคน ซึ่งถือหุ้นรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด อาจเข้าชื่อกันทำหนังสือร้องขอให้คณะกรรมการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเป็นการประชุมวิสามัญได้ แต่ในหนังสือร้องขอนั้นจะต้องระบุเรื่องและเหตุผลในการขอให้เรียกประชุมไว้ให้ชัดเจนด้วย เมื่อมีคำร้องขอดังกล่าว คณะกรรมการต้องจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอจากผู้ถือหุ้น ในการจัดประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทจะใช้สถานที่ ซึ่งสะดวกแก่การเดินทาง โดยจะแนบแผนที่ซึ่งแสดงสถานที่จัดการประชุมผู้ถือหุ้นไว้ในหนังสือเชิญประชุม รวมถึงเลือกวันเวลาที่เหมาะสม และจัดสรรเวลาในการประชุมอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท

    การแจ้งเชิญประชุมล่วงหน้า

    บริษัทจัดทำหนังสือเชิญประชุมทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ(หากมี) และเปิดเผยให้นักลงทุนทราบเป็นการทั่วไปล่วงหน้าก่อนการประชุม โดยแจ้งการเปิดเผยให้ทราบผ่านช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเปิดเผยข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้มีเวลาศึกษาข้อมูลประกอบการประชุมล่วงหน้าอย่างเพียงพอ ในขณะที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์ของบริษัท จะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งหนังสือเชิญประชุมพร้อมทั้งข้อมูลประกอบการประชุมวาระต่างๆ ให้ผู้ถือหุ้นรับทราบล่วงหน้าก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 21 วัน หรือระยะเวลาอื่นใดตามที่กฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องประกาศกำหนด ทั้งนี้รายละเอียดที่ปรากฏบนเว็บไซต์ และในเอกสารที่จัดส่งให้ผู้ถือหุ้นเป็นข้อมูลเดียวกัน โดยในแต่ละวาระการประชุมจะมีรายละเอียดวาระการประชุมระบุชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่จะเสนอเพื่อทราบ หรือเพื่ออนุมัติแล้วแต่กรณี รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการในเรื่องดังกล่าว ตลอดจนข้อมูลประกอบการประชุมที่เพียงพอ นอกจากนี้บริษัทยังลงประกาศบอกกล่าวการเชิญประชุมผู้ถือหุ้นทางหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน โดยการลงประกาศดังกล่าวได้ดำเนินการล่วงหน้าก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 3 วันอีกด้วย

    การเข้าร่วมประชุม

                    บริษัทจัดให้มีเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบเอกสารของผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม ตามรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารหรือหลักฐานแสดงความเป็นผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะที่ได้แจ้งไว้ในหนังสือเชิญประชุมเพื่อรักษาสิทธิและความเท่าเทียมกันของผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นสามารถลงทะเบียนเข้าประชุมล่วงหน้าได้ก่อนการประชุมอย่างเพียงพอ และเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือหุ้น บริษัทได้นำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในการลงทะเบียน พร้อมทั้ง จัดพิมพ์บัตรลงคะแนนในแต่ละวาระให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วย ส่งผลให้การลงทะเบียนเป็นไปด้วยความรวดเร็วและถูกต้อง สำหรับผู้ถือหุ้นที่ไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ด้วยตนเอง และมีความประสงค์จะมอบฉันทะให้บุคคลอื่น หรือกรรมการอิสระของบริษัทเข้าประชุมแทนนั้น บริษัทได้เสนอชื่อกรรมการอิสระมากกว่า 1 คน พร้อมประวัติให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาในการมอบฉันทะ โดยผู้ถือหุ้นสามารถกำหนดทิศทางการลงคะแนนเสียงจากหนังสือมอบฉันทะดังกล่าวได้

    การเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นซักถามและแสดงความคิดเห็น

              ก่อนวันประชุม บริษัทเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นส่งคำถามเกี่ยวกับบริษัทและวาระการประชุมเพื่อให้คณะกรรมการและ ฝ่ายบริหารชี้แจงในวันประชุมผ่านทางโทรสารและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ถึงหน่วยงานเลขานุการบริษัทเป็นการล่วงหน้า

  • การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน

              บริษัทได้กำหนดให้มีการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือผู้ถือหุ้นรายย่อย ผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นที่มิได้เป็นผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยหรือต่างชาติ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

    การเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเสนอระเบียบวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น และเสนอชื่อบุคคลเพื่อรับการพิจารณาเลือกตั้งเป็นกรรมการ

                   บริษัทจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยสามารถเสนอเรื่องที่เห็นว่าสำคัญและควรบรรจุเป็นระเบียบวาระในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นและเสนอชื่อบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและคุณสมบัติที่เหมาะสมเป็นกรรมการมายังบริษัท โดยมีกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมและเพียงพอล่วงหน้าก่อนการประชุม ตามรูปแบบและวิธีการที่บริษัทกำหนด โดยบริษัทจะเผยแพร่รูปแบบและวิธีการดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท ในส่วนของวาระการประชุมนั้น คณะกรรมการจะพิจารณาความเหมาะสมในการบรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุมในหนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้น สำหรับข้อเสนอเกี่ยวกับบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาเลือกตั้งเป็นกรรมการ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนจะพิจารณาและเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเสนอผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นต่อไป สำหรับเรื่องที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการและ/หรือคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน บริษัทจะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบพร้อมชี้แจงเหตุผลในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นบนเว็บไซต์ของบริษัท หรือช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลอื่นที่เหมาะสมต่อไป

    การดำเนินการประชุมผู้ถือหุ้นและออกเสียงลงคะแนน

              บริษัทจะให้โอกาสแก่ผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน โดยก่อนเริ่มการประชุม ประธานในที่ประชุมจะแนะนำคณะกรรมการ ผู้บริหาร และผู้สอบบัญชีของบริษัท ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางให้ที่ประชุมรับทราบ และชี้แจงวิธีการใช้สิทธิออกเสียง และวิธีนับคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นที่ต้องลงมติในแต่ละวาระ โดยผู้ถือหุ้นที่มาประชุมด้วยตนเอง หรือมีผู้แทนรับมอบฉันทะให้มาร่วมประชุม มีสิทธิออกเสียง 1 เสียงต่อ 1 หุ้น สำหรับการออกเสียงลงคะแนน บริษัทได้นำบัตรลงคะแนนมาใช้ในการออกเสียงในทุกวาระรวมทั้งวาระการพิจารณาเลือกตั้งกรรมการ เพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ และเพื่อให้การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นเป็นไปอย่างเท่าเทียมกันมากที่สุด ก่อนเริ่มพิจารณาระเบียบวาระต่างๆ จะมีการแจ้งจำนวนหรือสัดส่วน    ผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะที่เข้าร่วมประชุม และยังเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นและผู้รับมอบฉันทะที่เข้าร่วมประชุมทุกรายสามารถแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ รวมทั้งซักถามในแต่ละวาระโดยใช้เวลาอย่างเหมาะสมและเพียงพอ  จากนั้นประธานในที่ประชุมและกรรมการจะตอบข้อซักถามอย่างชัดเจน ตรงประเด็น และให้ความสำคัญกับทุกคำถาม แล้วจึงให้ที่ประชุมออกเสียงลงมติในวาระนั้นๆได้ สำหรับวาระการเลือกตั้งกรรมการ ประธานในที่ประชุมจะดำเนินการให้ผู้ถือหุ้นลงมติเป็นรายบุคคล โดยประธานในที่ประชุมจะดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระที่กำหนดไว้ รวมทั้งจะมิให้ผู้บริหารเพิ่มวาระการประชุมที่ไม่แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้าโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะวาระที่มีความสำคัญซึ่งผู้ถือหุ้นต้องใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ ทั้งนี้ บริษัทได้จัดเก็บบัตรลงคะแนนเสียงจากผู้ถือหุ้นทุกรายในทุกวาระที่มีการลงคะแนนเสียง และดำเนินการนับคะแนนด้วยระบบ Barcode ที่มีความรวดเร็ว พร้อมประมวลผลอย่างถูกต้อง ในระหว่างการประชุมบริษัทได้แจ้งผลการนับคะแนนเสียงให้ผู้ถือหุ้นทราบในแต่ละวาระโดยแบ่งผลคะแนนเสียงเป็นจำนวนเสียงที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยงดออกเสียงและบัตรเสีย รวมทั้งบริษัทได้บันทึกมติที่ประชุมตามผลคะแนนของการออกเสียงในแต่ละวาระไว้เป็นลายลักษณ์อักษร และเก็บบัตรลงคะแนนทุกใบเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ และบริษัทอาจจัดให้มีบุคลากรที่เป็นอิสระทำหน้าที่ช่วยในการตรวจนับคะแนนเสียงในแต่ละวาระอีกด้วย

    แนวปฏิบัติเกี่ยวกับความขัดแย้งของผลประโยชน์สำหรับการประชุม

              บริษัทได้กำหนดให้กรรมการรายงานการมีส่วนได้เสียในวาระการประชุมใดๆ อย่างน้อยก่อนการพิจารณาในวาระที่เกี่ยวข้องในการประชุมคณะกรรมการบริษัทและบันทึกส่วนได้เสียดังกล่าวในรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท รวมทั้งห้ามมิให้กรรมการที่มีส่วนได้เสียอย่างมีนัยสำคัญ ในลักษณะที่จะไม่สามารถให้ความเห็นได้อย่างอิสระในวาระที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการประชุมในวาระนั้นๆ

    ผลการประชุมผู้ถือหุ้น

              บริษัทจะแจ้งมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นผ่านช่องทางการเปิดเผยข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยทันทีภายในวันประชุม หรือช่วงเวลาก่อนเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้าของวันทำการถัดไป เพื่อให้นักลงทุนทราบโดยทั่วกัน และจัดทำรายงานการประชุมที่มีสาระสำคัญครบถ้วน โดยมีการบันทึกคำชี้แจงที่เป็นสาระสำคัญ คำถามและความคิดเห็นต่างๆ และมติทั้งหมดของที่ประชุมผู้ถือหุ้นแยกเป็นคะแนนที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย งดออกเสียง และบัตรเสีย ซึ่งบริษัทจะนำส่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเผยแพร่รายงานดังกล่าวในเว็บไซต์ของบริษัท ภายใน 14 วันนับจากวันประชุมผู้ถือหุ้น และเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้พิจารณารับรองรายงานการประชุมว่าบันทึกไว้อย่างถูกต้องและครบถ้วน หากผู้ถือหุ้นมีความเห็นแก้ไขเพิ่มเติมประการใด สามารถแจ้งมายังบริษัทภายในระยะเวลาที่บริษัทกำหนด  จากนั้นบริษัทจัดเก็บรายงานการประชุมไว้ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัท นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดให้มีการบันทึกเหตุการณ์การประชุมผู้ถือหุ้นอีกด้วย

  • บทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย

    1.  นโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสีย

    บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นธรรมและให้ความสำคัญต่อสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้มีส่วนได้เสียภายใน ได้แก่ ผู้ถือหุ้น พนักงานของบริษัท หรือผู้มีส่วนได้เสียภายนอก เช่น คู่ค้า ลูกค้า เป็นต้น และบริษัทตระหนักดีว่าการสนับสนุนและข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม จะเป็นประโยชน์ในการดำเนินงานและการพัฒนาธุรกิจของบริษัท ดังนั้น บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สิทธิของผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าวได้รับการดูแลเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทยังคำนึงถึงสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มตามแนวทางดังต่อไปนี้

    พนักงาน :
    1) การจ้างงาน
    บริษัทมีนโยบายการจ้างงานที่มุ่งเน้นความเท่าเทียมกัน ไม่จำกัดหรือไม่กีดกันเรื่อง เพศ เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และผู้พิการ
    2) การจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการ
    บริษัทมีนโยบายจ่ายค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรมตามระบบประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงความมั่นคงในสายอาชีพและโอกาสก้าวหน้าในสายอาชีพอย่างเป็นธรรม และจัดให้มีสวัสดิการด้านต่าง ๆ สำหรับพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ประกันสังคม และนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด เช่น ประกันสุขภาพ, ประกันอุบัติเหตุ, เงินช่วยเหลือประเภทต่าง ๆ เป็นต้น
    3) การพัฒนาพนักงาน 
    บริษัทให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถและศักยภาพของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เช่น การจัดอบรม การสัมมนา และการฝึกฝน ควบคู่กับการเปิดโอกาสในการเรียนรู้ พัฒนาความรู้ ความสามารถของพนักงานอย่างเต็มศักยภาพอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ และสร้างแรงจูงใจให้พนักงานที่มีความรู้ ความสามารถสูงให้คงอยู่กับบริษัทเพื่อพัฒนาองค์กรต่อไป อีกทั้ง บริษัทให้ความสำคัญต่อการเลื่อนตำแหน่งจากภายในและการประเมินผลการทำงาน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคงและแข็งแรง และยังได้กำหนดการอบรมทบทวนความรู้ประจำปีให้แก่พนักงานทุกระดับในเรื่องเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน จรรยาบรรณธุรกิจและข้อพึงปฏิบัติในการทำงาน เพื่อปลูกฝังให้พนักงานทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
    4) การดูแลพนักงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความปลอดภัยในการทำงาน
    บริษัทจัดให้มีสวัสดิการด้านสุขอนามัย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงานที่ดี โดยกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย มุ่งเน้นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงาน เสริมสร้างให้พนักงานมีจิตสำนึกด้านความปลอดภัย อีกทั้งมีการอบรมให้ความรู้ ส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพอนามัยที่ดี
    5) การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม
    บริษัทจัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนพนักงานร่วมหารือ ให้คำปรึกษา เสนอแนะความเห็นให้แก่นายจ้างเรื่องการจัดสวัสดิการสำหรับพนักงาน ตรวจตรา ควบคุม ดูแล การจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์สำหรับพนักงาน

    ลูกค้า : บริษัทรับผิดชอบต่อลูกค้าโดยการรักษาคุณภาพ มาตรฐานของสินค้าและบริการ รวมถึงความปลอดภัยของสินค้า ตลอดกระบวนการผลิตด้วยมาตรฐานการรับรองระดับสากล เพื่อให้ตรงตามความคาดหวังของลูกค้า และรับฟังเสียงจากลูกค้า เพื่อใช้วิเคราะห์กำหนดความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า สภาพการแข่งขัน เทคโนโลยี แนวโน้มพฤติกรรมลูกค้า และความต้องการในอนาคตของลูกค้า โดยนำไปพิจารณาร่วมกับสารสนเทศอื่น ๆ ได้แก่ นโยบายรัฐ กฎระเบียบ นวัตกรรมเทคโนโลยี ข้อมูลการเงินและเศรษฐกิจ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าให้ครบถ้วน และครอบคลุมให้มากที่สุดทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อมุ่งเน้นการสร้าง ความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังมีระบบการประเมินความพึงพอใจและพัฒนาความพึงพอใจของลูกค้า โดยพิจารณาร่วมกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าโดยตรง เพื่อให้ผลการสำรวจสะท้อนการดำเนินงานในปัจจุบัน และเพิ่มโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจในอนาคตได้ชัดเจนมากขึ้น
    อีกทั้งบริษัทยังให้บริการหลังการขายตลอดช่วงอายุสินค้าและบริการ ตลอดจนให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินค้าและบริการของบริษัท รวมทั้งยังจัดให้มีช่องทางให้ลูกค้าสามารถแจ้งปัญหาหรือการให้บริการที่ไม่เหมาะสมเพื่อที่บริษัทจะได้ป้องกันและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสินค้าและบริการของบริษัทได้อย่างรวดเร็ว โดยกำหนดให้มีการตอบกลับไปยังลูกค้า ทุกรายภายหลังที่มีการแก้ไขแล้วเสร็จ มีการสอบถามถึงความพึงพอใจต่อการแก้ไขปัญหาของบริษัทพร้อมแจ้ง แผนการแก้ไขปัญหาระยะยาว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และยังคงใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญต่อการรักษาความลับของลูกค้า และไม่นำความลับของลูกค้าไปใช้เพื่อประโยชน์โดยมิชอบ มีการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

    คู่ค้า : บริษัทมีกระบวนการในการคัดเลือกคู่ค้า ด้วยความยุติธรรมภายใต้หลักเกณฑ์การประเมินและการคัดเลือกคู่ค้าของบริษัท โดยคู่ค้าจะแข่งขันบนข้อมูลที่เท่าเทียมกัน โปร่งใส นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดทำรูปแบบสัญญาหรือข้อตกลงที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่คู่สัญญาทุกฝ่าย และจัดให้มีระบบติดตามเพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าจะเคารพสิทธิมนุษยชนและปฏิบัติต่อแรงงานของตนเองอย่างเป็นธรรม รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาหรือข้อตกลงอย่างครบถ้วน และป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดหา โดยบริษัทซื้อสินค้าจากคู่ค้าตามเงื่อนไขทางการค้าตลอดจนปฏิบัติตามสัญญาต่อคู่ค้าอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ บริษัทยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมศักยภาพและความสามารถของคู่ค้า ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของทั้งบริษัทและคู่ค้าด้วย
    เจ้าหนี้ : บริษัทจะปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ตามสัญญาและข้อผูกพันที่มีต่อเจ้าหนี้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งเรื่องเงื่อนไขค้ำประกัน การบริหารเงินทุน การชำระคืนเงินต้น การไม่ผิดนัดชำระหนี้ ดอกเบี้ยและการดูแลหลักประกันต่าง ๆ ภายใต้สัญญาที่เกี่ยวข้องที่ได้ให้ข้อตกลงไว้กับเจ้าหนี้ บริษัทจะต้องชำระคืนเงินกู้ และดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้เงินกู้ยืมทุกประเภทอย่างครบถ้วนตามกำหนดเวลา และปฏิบัติตามเงื่อนไข
    การกู้ยืมเงินตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด โดยไม่ใช้เงินกู้ยืมไปในทางที่ขัดต่อวัตถุประสงค์ในการกู้ยืมเงิน ตลอดจนไม่ใช้วิธีการที่ไม่สุจริตในการปกปิดข้อมูลหรือข้อเท็จจริง อันจะทำให้เจ้าหนี้เกิดความเสียหาย กรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง ต้องรีบแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบล่วงหน้า เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางแก้ไข

    คู่แข่ง : บริษัทประพฤติตามกรอบการแข่งขันที่เป็นธรรมและซื่อสัตย์สุจริต มีจรรยาบรรณและอยู่ในกรอบของกฎหมาย รวมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมนโยบายการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบคู่แข่ง ไม่แสวงหาข้อมูลที่เป็นความลับโดยวิธีการมิชอบ ละเว้นจากการกล่าวโจมตีคู่แข่ง หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการผูกขาดหรือลดการแข่งขันหรือจำกัด การแข่งขันในตลาด หรืออาจมีผลกระทบในทางลบต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การเรียก รับ และการให้ประโยชน์ใด ๆ ที่ไม่สุจริตทางการค้า

    ชุมชนและสังคม : บริษัทใส่ใจและตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต และความปลอดภัยของผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท และส่งเสริมให้พนักงานของบริษัทมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม มุ่งสนับสนุนกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างประโยชน์สุขของชุมชน ใช้ทรัพยากรและ ความเชี่ยวชาญอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รวมทั้งจัดให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ บริษัทมีการพัฒนาสินค้าหรือวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

    ผู้ถือหุ้น : บริษัทมุ่งมั่นพิทักษ์สิทธิขั้นพื้นฐานและปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียม บริษัทจะดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างผลการดำเนินงานที่ดีและการเจริญเติบโตที่มั่นคง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวและยั่งยืน รวมทั้งดำเนินการเปิดเผยข้อมูลด้วย ความโปร่งใสและเชื่อถือได้ต่อผู้ถือหุ้น

    หน่วยงานราชการ : บริษัทให้ความสำคัญกับหน่วยงานราชการในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย โดยให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ ทั้งทางด้านวิชาการและกิจกรรมอื่น ๆ

    ภาคประชาสังคม นักวิชาการ ผู้นำความคิด :บริษัทดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยเปิดเผยข้อมูลการดำเนินธุรกิจที่ครบถ้วน โปร่งใส ตรวจสอบได้ และรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการประสานความร่วมมือ เพื่อการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนเคียงคู่กันไปกับการพัฒนาชุมชนและสังคม

    นอกจากนี้ ผู้มีส่วนได้เสียสามารถสอบถามรายละเอียด แจ้งข้อร้องเรียน หรือแจ้งเบาะแสการกระทำผิดทางกฎหมาย ความไม่ถูกต้องของรายงานทางการเงิน ระบบควบคุมภายในที่บกพร่อง หรือการผิดจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท ผ่านกรรมการอิสระ หรือคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัท และเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยิ่งขึ้น บริษัทจัดให้มีช่องทางติดต่อที่หลากหลาย อาทิ เว็บไซต์บริษัท โทรศัพท์ หรืออีเมล์ และจัดให้มีหน่วยงานเฉพาะ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียแสดงความคิดเห็น ร้องเรียน หรือเสนอเรื่องสำคัญอื่นๆ ต่อบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จัดให้หน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์และเลขานุการบริษัทรับผิดชอบในการรับความคิดเห็น ข้อร้องเรียนต่างๆ จากผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ขณะที่ตัวแทนฝ่ายบริหารและฝ่ายทรัพยากรมนุษย์รับผิดชอบในการรับข้อคิดเห็นและเรื่องราวร้องทุกข์จากพนักงาน ทั้งนี้บริษัทได้จัดทำวิธีปฏิบัติงานต่อข้อร้องเรียนของผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ อย่างชัดเจน เพื่อรักษาสิทธิรวมถึงคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้ร้องเรียน โดยผู้ร้องเรียนดังกล่าวจะได้รับความคุ้มครองและเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวไว้เป็นความลับซึ่งเข้าถึงได้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีมีข้อร้องเรียนว่าอาจมีการกระทำความผิดจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงและผู้แทนจากส่วนงานที่ไม่มีส่วนได้เสียในเรื่องดังกล่าว เพื่อสอบสวนและดำเนินการตามข้อบังคับทางวินัยของบริษัท และรายงานต่อคณะการตรวจสอบและคณะกรรมการบริษัทต่อไป

    ช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน
           บริษัทกำหนดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน โดยผู้ร้องเรียนสามารถร้องเรียนได้ 6 ช่องทาง ดังนี้

    ช่องทางที่ 1  การร้องเรียนด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่ 
                        บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน)
                        42/174 หมู่ 5 ซอยศรีเสถียรนิเวศน์ ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210

    ช่องทางที่ 2  การร้องเรียนโดยจัดทำเป็นหนังสือ และส่งมาที่ 
                         เลขานุการบริษัท  บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน)                             
                          42/174 หมู่ 5 ซอยศรีเสถียรนิเวศน์ ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210

    ช่องทางที่ 3  การร้องเรียนทางโทรศัพท์หรือโทรสาร
                         โทรศัพท์ 0-2429-0354-7 ต่อ 501 หรือ โทรสาร 0-2429-0358

    ช่องทางที่ 4  การร้องเรียนผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท (www.tpbigroup.com)

    ช่องทางที่ 5  การร้องเรียนผ่านทางอีเมล์
                         คณะกรรมการตรวจสอบ : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
                         นักลงทุนสัมพันธ์ : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
                         เลขานุการบริษัท : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

    ช่องทางที่ 6  กล่องรับความคิดเห็น สำหรับพนักงาน

     

    2. นโยบายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

               บริษัทตระหนักดีว่าความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่พนักงานทุกคนพึงจะได้รับ พร้อมทั้งให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงจัดทำนโยบายลดความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ดังนี้

    “สร้าง, รักษา และปฏิบัติตามจิตสำนึกด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างจริงจัง เพื่อลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วย, การเกิดอุบัติเหตุ เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของบุคลากรทุกคน”

    ทั้งนี้บริษัทได้ทบทวน ปรับปรุง การดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวทางการปฏิบัติให้สอดคล้องกับการดำเนินงานปัจจุบันของบริษัท โดยมีการนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ ตลอดจนสื่อสารความเข้าใจแก่พนักงาน ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท ตามแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้

    • บุคลากรทุกคนปฏิบัติตามกฏระเบียบ และต้องให้ความร่วมมือกับนโยบายและกิจกรรมทางด้าน
      อาชีวอนามัย และความปลอดภัยของบริษัท
    • ปฏิบัติตามกฏหมาย ข้อบังคับด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดของบริษัท
    • ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัย เพื่อความปลอดภัยของพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียโดยรอบ
    • สนับสนุนทรัพยากรต่างๆ เพื่อใช้ในการป้องกันและลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บและเจ็บป่วยที่เกิดจากการทำงานกับเครื่องจักรและสารเคมี
    • ส่งเสริมและสนับสนุนข้อมูลในการดูแลสุขภาพ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของพนักงานทุกคน
    • สื่อสารเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงานและนโยบายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้แก่ชุมชน รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน
    • มุ่งเน้นการปลูกจิตสำนึกด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้แก่บุคลากรทุกระดับ
    • มุ่งเน้นที่จะลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการทำงานทั้งพนักงาน โดยควบคุมความเสี่ยงในการทำงานอย่างต่อเนื่อง
    • มุ่งมั่นต่อการดำเนินกิจกรรม การให้คำปรึกษา และการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงานรวมถึงตัวแทนผู้ปฏิบัติงาน

     

    3. นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

               เนื่องด้วยบริษัทดำเนินธุรกิจผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกและบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ มีความมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการทบทวน ปรับปรุง การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทบทวนแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับการดำเนินงานปัจจุบันของบริษัท โดยจัดทำเป็นนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ดังนี้

    “โรงงานสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นของชุมชน และผู้มีส่วนได้เสีย”

    • การดูแลสิ่งแวดล้อมในการทำงานเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคน
    • สนับสนุนทรัพยากรต่างๆ เพื่อใช้ในการปรับปรุงงานด้านการอนุรักษ์พลังงาน และลดปริมาณของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตให้บรรลุตามเป้าหมาย
    • ควบคุมคุณภาพน้ำทิ้ง เสียงรบกวน และอากาศที่ปล่อยออกนอกบริษัท ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและดำเนินการจัดการขยะ ของเสียให้ถูกต้องตามที่กฏหมายกำหนด เพื่อป้องกันมิให้ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท
    • สื่อสารเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงานและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่ชุมชน รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน
    • มุ่งเน้นการปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่บุคลากรทุกระดับ
    • มุ่งมั่นต่อการดำเนินกิจกรรม การให้คำปรึกษา และการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงานรวมถึงตัวแทนผู้ปฏิบัติงาน

     

    4. นโยบายการอนุรักษ์พลังงาน

               บริษัทได้กำหนดนโยบายการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานด้านพลังงาน และเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด

                    “ สร้างนิสัย  ร่วมใจพัฒนา  พลังงานคุ้มค่า  แสวงหามาตรการ  รวมผู้บริหารและพนักงานเป็นหนึ่งเดียว”

    • การใช้พลังงานอย่างประหยัดและคุ้มค่า โดยการสร้างค่านิยมและจิตสำนึกในการใช้พลังงาน
    • การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าจะต้องมีการวางแผนและควบคุมการใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด มีการลดการสูญเสียพลังงานทุกขั้นตอน โดยมีการตรวจและการดูแลการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าตลอดเวลา เพื่อลดการรั่วไหลของพลังงาน เป็นต้น
    • การใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะพลังงานที่ได้จากธรรมชาติ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และอื่นๆ
    • การเลือกใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 หลอดผอมประหยัดไฟฟ้า
    • การเพิ่มประสิทธิภาพเชื้อเพลิง เช่น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทำให้เชื้อเพลิงให้พลังงานได้มากขึ้น
    • การหมุนเวียนกลับมาใช้ โดยการนำวัสดุที่ชำรุดนำมาซ่อมใช้ใหม่ การลดทิ้งขยะที่ไม่จำเป็นหรือการหมุนเวียนกลับมาผลิตใหม่ (Recycle)

    นอกจากการอนุรักษ์พลังงานแล้ว บริษัทยังสนับสนุนให้พนักงานใช้ทรัพยากร ได้แก่ น้ำ สารเคมีอย่างคุ้มค่าเป็นไปตามเป้าหมาย และดำเนินการทบทวนปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดการใช้ทรัพยากรของธุรกิจ และมีการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ มีการนำของเสียมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

     

    5. แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน

               บริษัทมีการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรม โดยยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เพื่อประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน จึงได้มีการกำหนดกรอบการพัฒนาสู่ความยั่งยืน โดยครอบคลุมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่สอดคล้องกันในทุกธุรกิจ

  • การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส

    1.      คณะกรรมการบริษัทให้ความสำคัญต่อการเปิดเผยข้อมูลที่มีความถูกต้อง ครบถ้วน เพียงพอ โปร่งใส ในเวลาที่เหมาะสม ทั้งข้อมูลทางการเงินและข้อมูลทั่วไป ตลอดจนข้อมูลอื่นที่มีผลหรืออาจมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัท ซึ่งล้วนมีผลต่อกระบวนการตัดสินใจของผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท โดยบริษัทจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

    2.      บริษัทจะจัดให้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations) เพื่อทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารกับนักลงทุนหรือผู้ถือหุ้น โดยบริษัทจะจัดให้มีการประชุมเพื่อวิเคราะห์ผลการดำเนินงานเป็นประจำ รวมทั้งจะเผยแพร่ข้อมูลของบริษัท ข้อมูลทางการเงินและข้อมูลทั่วไปของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้น นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการลงทุน และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องรับทราบผ่านช่องทางต่างๆ กล่าวคือ การรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเว็บไซต์ของบริษัทในหัวข้อ “นักลงทุนสัมพันธ์” เพื่อให้ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลได้โดยสะดวก นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญในการเปิดเผยข้อมูลอย่างสม่ำเสมอทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับข่าวสารเป็นประจำผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท โดยข้อมูลที่อยู่บนเว็บไซต์ของบริษัทจะมีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวรวมถึงวิสัยทัศน์ พันธกิจ งบการเงิน ข่าวประชาสัมพันธ์ รายงานประจำปี โครงสร้างบริษัทและผู้บริหาร ตลอดจนโครงสร้างการถือหุ้นและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หนังสือเชิญประชุม เอกสารทางทะเบียนของบริษัท กฎบัตรต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเผยแพร่และชี้แจงข้อมูล รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมซักถามข้อมูลอย่างโปร่งใส โดยมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมชี้แจงด้วย

    3.      บริษัทให้ความสำคัญต่องบการเงินของบริษัท และสารสนเทศทางการเงินที่ปรากฏในรายงานประจำปี โดยคณะกรรมการตรวจสอบจะเป็นผู้สอบทานคุณภาพของรายงานทางการเงินและระบบควบคุมภายใน รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลสำคัญอย่างเพียงพอในหมายเหตุประกอบงบการเงินและรายงานให้คณะกรรมการบริษัททราบ และจะจัดให้มีรายงานความรับผิดชอบของคณะกรรมการต่อรายงานทางการเงินแสดงควบคู่กับรายงานของผู้สอบบัญชีในรายงานประจำปี นอกจากนี้ คณะกรรมการยังสนับสนุนให้มีการจัดทำคำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ (Management Discussion and Analysis) เพื่อประกอบการเปิดเผยงบการเงิน และเข้าร่วมกิจกรรม Opportunity Day ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในทุกไตรมาส

    4.      บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกรรมการแต่ละท่าน บทบาทและหน้าที่ของประธานกรรมการ คณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการชุดย่อยของบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จำนวนครั้งของการประชุมและการเข้าประชุมในปีที่ผ่านมา และความเห็นจากการทำหน้าที่ รวมทั้งการฝึกอบรมและพัฒนาความรู้ด้านวิชาชีพอย่างต่อเนื่องในรายงานประจำปี และแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปีของบริษัท รวมถึงการเปิดเผยนโยบายการจ่ายค่าตอบแทน ลักษณะและรายละเอียดของค่าตอบแทนของกรรมการและผู้บริหารระดับสูงในบริษัทและบริษัทย่อย (หากมี) ด้วย

    5.      บริษัทจะเปิดเผยค่าสอบบัญชีและค่าบริการอื่นที่ผู้สอบบัญชีให้บริการ

    6.      บริษัทจะจัดให้มีรายงานการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี จรรยาบรรณธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่คณะกรรมการบริษัทได้ให้ความเห็นชอบไว้ โดยจะสรุปผลการปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว รวมทั้งกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ พร้อมด้วยเหตุผล โดยรายงานผ่านช่องทางต่างๆ เช่น รายงานประจำปี และเว็บไซต์ของบริษัท เป็นต้น

    7.      บริษัทดำเนินธุรกิจโดยไม่ล่วงละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กระทำการหรือแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา (Copy Rights and Intellectual Property Rights) เว้นแต่บริษัทจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ยังมีการกำหนดนโยบายการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการตรวจสอบการใช้ระบบโปรแกรมซอฟต์แวร์การทำงานของพนักงานเพื่อป้องกันการใช้ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน

    8.      บริษัทมีการขจัดปัญหาความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างรอบคอบ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีเหตุผลและเป็นอิสระภายใต้กรอบจริยธรรมที่ดี เพื่อผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นสำคัญ โดยกำหนดให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวโยงกับรายการที่พิจารณาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับส่วนได้เสียของตนและผู้ที่เกี่ยวข้องให้บริษัททราบ และต้องไม่เข้าร่วมการพิจารณา รวมถึงไม่มีอำนาจอนุมัติในรายการดังกล่าว

    9.      บริษัทมีนโยบายในการทำรายการเกี่ยวโยงกัน และรายการที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่สอดคล้องกับกฎหมาย ตลอดจนข้อบังคับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งจะเปิดเผยรายการดังกล่าวไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) และแบบรายงานประจำปี

    10.    บริษัทได้จัดให้มีระบบการควบคุมภายในเพื่อการกำกับดูแลและการควบคุมภายใน ทั้งในระดับบริหารและระดับปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ โดยจัดให้มีหน่วยงานตรวจสอบภายในของบริษัทและ/หรือหน่วยงานภายนอก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบควบคุมภายใน เพื่อทำหน้าที่ประเมินความเพียงพอของระบบควบคุมภายในและรายงานผลต่อคณะกรรมการตรวจสอบตามแผนการตรวจสอบที่วางไว้ โดยการควบคุมภายในดังกล่าวยังคงความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน พนักงานสามารถควบคุม กำกับ ประเมินผล และสอบทานการทำงานได้ด้วยตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจและการใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้อง ป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย

    11.    บริษัทได้จัดให้มีการกำกับดูแลระบบและกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทอย่างเหมาะสม จึงได้มีการกำหนดนโยบายบริหารความเสี่ยง รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (ซึ่งรายงานตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบ) ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง โดยคณะทำงานบริหารความเสี่ยงได้จัดทำรายงานความเสี่ยงองค์กรและแผนบริหารความเสี่ยงเป็นประจำทุกปี โดยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลความเสี่ยงของหน่วยงานต่างๆ วิเคราะห์ความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ประเมินระดับความสำคัญของความเสี่ยง ผลกระทบ และกำหนดกิจกรรมควบคุมไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการกำหนดการประเมินโอกาสที่จะเกิดการทุจริตในรูปแบบต่างๆ รวมถึงความเสี่ยงทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินความเสี่ยงของบริษัท และได้รายงานผลการประเมินดังกล่าวต่อคณะกรรมการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ

    12.    บริษัทมุ่งมั่นที่จะให้กรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน รักษามาตรฐานในเรื่องความซื่อสัตย์และจริยธรรม ครอบคลุมการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และความขัดแย้งทางผลประโยชน์ต้องได้รับการเปิดเผยและจัดการอย่างเหมาะสม ให้มั่นใจว่าบุคคลที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องอย่างมีสาระสำคัญไม่มีส่วนในกระบวนการตัดสินใจในเรื่องนั้น รวมถึงไม่อนุญาตให้พนักงานรับหรือเสนอเงินสด ของขวัญที่มีมูลค่า หรือผลประโยชน์อื่นใด ซึ่งอาจตีความว่าเป็นการรับหรือให้สินบน รวมถึงประเด็นด้านจริยธรรมต้องได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส    

    13.    บริษัทไม่มีนโยบายเกี่ยวกับการถือหุ้นในลักษณะที่บริษัท 2 บริษัทหรือมากกว่านั้นถือหุ้นซึ่งกันและกัน เพื่อเกาะกลุ่มทางธุรกิจ หรือเพื่อสร้างโครงสร้างของกลุ่มบริษัท อาทิเช่น การถือหุ้นไขว้ (Cross Holding) หรือการถือหุ้นแบบปิรามิด (Pyramid Holding)

  • ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

    โครงสร้างคณะกรรมการและคณะกรรมการชุดย่อย

              คณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วยบุคคลซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ ความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย ความซื่อสัตย์ ความสามารถในการให้ความเห็นที่เป็นอิสระ และประสบการณ์ที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท โดยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายและภาพรวมขององค์กร ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้นำในการกำกับดูแลกิจการ การตรวจสอบ ประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งคณะกรรมการบริษัทมีความหลากหลาย (Board Diversity) โดยมีทักษะสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท ผ่านการจัดทำตารางความรู้ความชำนาญ (Board Skills Matrix)

              คณะกรรมการบริษัทมีไม่เกิน 12 ท่าน ประกอบด้วยกรรมการบริษัทที่เป็นผู้บริหาร (Executive Directors) และกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร (Non-executive Directors) โดยมีกรรมการที่มีคุณสมบัติเป็นอิสระไม่น้อยกว่า 3 ท่าน ซึ่งคิดเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการบริษัททั้งคณะ อันจะทำให้เกิดการถ่วงดุลในการพิจารณาและออกเสียงในเรื่องต่างๆ อย่างเหมาะสม ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละไม่เกิน 3 ปีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด และกรรมการอิสระมีวาระการดำรงตำแหน่งต่อเนื่องไม่เกิน 9 ปีนับจากวันที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระครั้งแรก และหากจะแต่งตั้งกรรมการอิสระรายเดิมให้ดำรงตำแหน่งต่อไปต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการอย่างสมเหตุสมผล นอกจากนี้กรรมการและผู้บริหารของบริษัทสามารถเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทในเครือหรือบริษัทอื่นได้ แต่ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้การเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทจดทะเบียนของกรรมการแต่ละท่าน รวมแล้วไม่เกิน 5 บริษัท เพื่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่

              ผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทไม่เป็นผู้บริหารระดับสูง และยังสถานะเป็นกรรมการอิสระและกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร เพื่อให้มั่นใจว่ามีการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจระหว่างคณะกรรมการและคณะผู้บริหารอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ประธานกรรมการบริษัทจะไม่เป็นสมาชิกในคณะกรรมการชุดย่อย เพื่อให้คณะกรรมการชุดย่อยดังกล่าว เสนอความคิดได้อย่างอิสระ นอกจากนี้คณะกรรมการได้แบ่งแยกบทบาทและความรับผิดชอบออกจากคณะผู้บริหารอย่างชัดเจน เพื่อการถ่วงดุลอำนาจและป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจเบ็ดเสร็จ

              ทั้งนี้ บริษัทได้จัดให้มีเลขานุการบริษัท เพื่อทำหน้าที่ในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะกรรมการบริษัท และการประชุมผู้ถือหุ้น รวมทั้งสนับสนุนงานของคณะกรรมการบริษัทโดยการให้คำแนะนำในเรื่องข้อกำหนดตามกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท รวมทั้งประสานงานให้มีการปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการบริษัท นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสนับสนุนในการปฏิบัติหน้าที่เฉพาะด้านของคณะกรรมการบริษัทให้การกำกับดูแลกิจการบรรลุเป้าหมายสูงสุด และรักษามาตรฐานการดำเนินงานในระดับสูง

    บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

               คณะกรรมการบริษัทมีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และมีหน้าที่กำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของบริษัท รวมทั้งกำกับดูแลให้การบริหารจัดการเป็นไปตามเป้าหมายและแนวทางเพื่อประโยชน์ระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้นภายใต้กรอบข้อกำหนดของกฎหมายและหลักจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

    บทบาทหน้าที่ประธานกรรมการ

    1.      เป็นผู้นำและรับผิดชอบต่อประสิทธิผลของคณะกรรมการ รักษาความเชื่อถือไว้วางใจต่อกรรมการ และดูแลให้มั่นใจว่าการทำงานของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อย สอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการ รวมถึงการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการในการส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่มีจริยธรรมและการกำกับดูแลกิจการที่ดี

    2.      รับผิดชอบในการกำกับ ติดตาม และดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักขององค์กร โดยทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริษัท รวมทั้งเป็นผู้มีเสียงชี้ขาดในกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการมีการลงคะแนนเสียง และคะแนนเสียง 2 ฝ่ายเท่ากัน นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล

    3.      ดูแลให้มั่นใจว่ากรรมการบริษัทได้รับข้อมูลที่เพียงพอ ถูกต้อง เกี่ยวข้อง และทันกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท การตัดสินใจของคณะกรรมการบริษัทควรอยู่บนพื้นฐานของดุลยพินิจและข้อมูลที่เพียงพอ และสนับสนุนให้ความเห็นต่างได้รับการอภิปรายและหารือกัน

    4.      ดูแลให้มั่นใจว่ากรรมการบริษัทเข้าใจลักษณะ และระดับของความเสี่ยงสำคัญที่องค์กรรับได้ในการดำเนินกลยุทธ์ รวมถึงทบทวนประสิทธิผลของระบบการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในอย่างต่อเนื่อง

    5.      กำหนดวาระการประชุมคณะกรรมการบริษัท โดยหารือร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วาระการประชุมของคณะกรรมการบริษัทควรมุ่งเน้นกลยุทธ์ การดำเนินงาน การสร้างคุณค่าและความรับผิดชอบตามหน้าที่ และดูแลให้มั่นใจว่าประเด็นที่สำคัญเกี่ยวข้องกับวาระดังกล่าวได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมการบริษัท ประธานกรรมการบริษัทมีความรับผิดชอบในการดูแลให้กรรมการปฏิบัติหน้าที่อย่างรับผิดชอบ และระมัดระวัง เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และเพื่อประโยชน์สูงสุดขององค์กร รวมถึงการจัดสรรเวลาไว้อย่างเพียงพอที่ฝ่ายจัดการจะเสนอเรื่อง และมากพอที่กรรมการบริษัทจะอภิปรายประเด็นสำคัญกันอย่างรอบคอบโดยทั่วกัน รวมทั้งส่งเสริมให้กรรมการมีการใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบ ให้ความเห็นได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นในด้านกลยุทธ์

    6.      รับทราบข้อมูลธุรกิจที่เป็นประโยชน์และจำเป็นจากผู้บริหารระดับสูง และให้คำปรึกษาและสนับสนุนประธานเจ้าหน้าที่บริหารในการพัฒนากลยุทธ์

    7.      เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกรรมการที่เป็นผู้บริหารและกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร และระหว่างคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ

    8.      ดูแลให้มั่นใจว่าการดำเนินงานและประสิทธิผลของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อยได้รับการประเมินอย่างเป็นทางการทุกปี  และผู้บริหารได้ปฏิบัติและ/หรือติดตามให้มีการดำเนินการตามคำแนะนำหรือมติของคณะกรรมการและคณะกรรมการชุดย่อยอย่างเหมาะสม

    สรุปอำนาจอนุมัติ
    อำนาจอนุมัติของคณะกรรมการบริษัทสำหรับการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้
    1. งบประมาณประจำปีและการเบิกค่าใช้จ่ายในงบประมาณ
    2. รายการที่เกี่ยวโยงกัน
    3. การพิจารณาเข้าทำสัญญาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจปกติ
    4. การร่วมทุนและการลงทุน
    5. การขอวงเงินกู้

    การกำกับดูแลกิจการ

              บริษัทได้จัดให้มีนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้ให้ความเห็นชอบนโยบายดังกล่าว ทั้งนี้การจัดทำนโยบายการกำกับดูแลกิจการมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน มีแนวทางปฏิบัติร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมและมีมาตรฐานเดียวกัน โดยบริษัทจะจัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวเป็นประจำทุกปี

    หลักจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ

              บริษัทมีเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างโปร่งใส มีคุณธรรม มีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทได้กำหนดข้อพึงปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงานยึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติ ดังนี้

    1. จรรยาบรรณว่าด้วยความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น
    2. จรรยาบรรณว่าด้วยความสัมพันธ์ต่อพนักงาน
    3. จรรยาบรรณว่าด้วยความสัมพันธ์ต่อคู่ค้า
    4. จรรยาบรรณว่าด้วยความรับผิดชอบต่อลูกค้า
    5. จรรยาบรรณว่าด้วยความรับผิดชอบต่อเจ้าหนี้
    6. จรรยาบรรณว่าด้วยความรับผิดชอบต่อคู่แข่ง
    7. จรรยาบรรณว่าด้วยความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม
    8. จรรยาบรรณว่าด้วยความรับผิดชอบต่อหน่วยงานราชการ
    9. จรรยาบรรณว่าด้วยความรับผิดชอบต่อภาคประชาสังคม นักวิชาการ ผู้นำความคิด

    ทั้งนี้ บริษัทจะประกาศและแจ้งให้พนักงานทุกคนรับทราบและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมถึงมีการติดตามการปฏิบัติดังกล่าว

    การไม่ล่วงละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

              บริษัทดำเนินธุรกิจโดยไม่ล่วงละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กระทำการหรือแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา (Copy Rights and Intellectual Property Rights) เว้นแต่บริษัทจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทมีการกำหนดนโยบายการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการตรวจสอบการใช้ระบบโปรแกรมซอฟต์แวร์การทำงานของพนักงานเพื่อป้องกันการใช้ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน

    ความปลอดภัยระบบสารสนเทศ

              บริษัทจัดทำนโยบายและกำหนดมาตรฐาน แนวทางปฏิบัติให้ผู้บริหาร พนักงานและบุคคลภายนอกที่ปฏิบัติงานให้กับบริษัท ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยด้านสารสนเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การป้องกันการแก้ไขข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การสำรองข้อมูล และการเตรียมพร้อมกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและมีความปลอดภัยในการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัท โดยทำการเผยแพร่ให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับในบริษัทได้รับทราบและเจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องลงนามยอมรับและปฏิบัติตามนโยบายนี้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งมีระบบติดตามการปฏิบัติงานของพนักงานให้เป็นไปตามนโยบาย และมีการตรวจสอบประเมินความเพียงพอของนโยบายและระบบควบคุมโดยหน่วยงานที่เป็นอิสระอย่างน้อยปีละครั้ง

    ความขัดแย้งทางผลประโยชน์

              บริษัทมีการขจัดปัญหาความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างรอบคอบ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีเหตุผลและเป็นอิสระภายใต้กรอบจริยธรรมที่ดี เพื่อผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นสำคัญ โดยกำหนดให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวโยงกับรายการที่พิจารณาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับส่วนได้เสียของตนและผู้ที่เกี่ยวข้องให้บริษัททราบ และต้องไม่เข้าร่วมการพิจารณา รวมถึงไม่มีอำนาจอนุมัติในรายการดังกล่าว

              บริษัทมีนโยบายในการทำรายการเกี่ยวโยงกัน และรายการที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่สอดคล้องกับกฎหมาย ตลอดจนข้อบังคับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งจะเปิดเผยรายการดังกล่าวไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) และแบบรายงานประจำปี

    การควบคุมภายใน

              บริษัทได้จัดให้มีระบบการควบคุมภายในเพื่อการกำกับดูแลและการควบคุมภายใน ทั้งในระดับบริหารและระดับปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทได้จัดให้มีหน่วยงานตรวจสอบภายในของบริษัทและ/หรือหน่วยงานภายนอก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบควบคุมภายใน เพื่อทำหน้าที่ประเมินความเพียงพอของระบบควบคุมภายในและรายงานผลต่อคณะกรรมการตรวจสอบตามแผนการตรวจสอบที่วางไว้ โดยการควบคุมภายในดังกล่าวยังคงความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน พนักงานสามารถควบคุม กำกับ ประเมินผล และสอบทานการทำงานได้ด้วยตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจและการใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้อง ป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย

    การบริหารความเสี่ยง

              บริษัทได้จัดให้มีการกำกับดูแลระบบและกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทอย่างเหมาะสม จึงได้มีการกำหนดนโยบายบริหารความเสี่ยง รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (ซึ่งรายงานตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบ) ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง โดยคณะทำงานบริหารความเสี่ยงได้จัดทำรายงานความเสี่ยงองค์กรและแผนบริหารความเสี่ยงเป็นประจำทุกปี โดยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลความเสี่ยงของหน่วยงานต่างๆ วิเคราะห์ความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ประเมินระดับความสำคัญของความเสี่ยง ผลกระทบ และกำหนดกิจกรรมควบคุมไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการกำหนดการประเมินโอกาสที่จะเกิดการทุจริตในรูปแบบต่างๆ รวมถึงความเสี่ยงทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินความเสี่ยงของบริษัท และได้รายงานผลการประเมินดังกล่าวต่อคณะกรรมการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ

    ค่าตอบแทนพนักงาน

               บริษัทมีนโยบายให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมต่อพนักงาน รวมถึงสอดคล้องกับผลการดำเนินงานทั้งในระยะสั้น คือเงินโบนัส ซึ่งเชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานของบริษัท และระยะยาวคือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นสวัสดิการที่เป็นหลักประกันทางการเงินให้แก่พนักงาน พนักงานมีสิทธิสมัครเข้าเป็นสมาชิก “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” โดยเลือกสะสมเป็นอัตราร้อยละมากกว่าหรือเท่ากับ 2 ของเงินเดือน และบริษัทสมทบให้ในอัตราอย่างน้อยร้อยละ 2 เข้าเป็นเงินกองทุน  ทั้งนี้พนักงานจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน ค่าทำงานล่วงเวลา ค่าปฏิบัติงานนอกสถานที่และต่างประเทศ

    รายงานของคณะกรรมการตรวจสอบ

              คณะกรรมการตรวจสอบมีหน้าที่สอบทานรายงานทางการเงิน โดยมีฝ่ายบัญชีและผู้สอบบัญชีมาประชุมร่วมกัน และนำเสนอรายงานทางการเงินต่อคณะกรรมการบริษัททุกไตรมาส โดยคณะกรรมการบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบต่องบการเงินรวมของบริษัทและบริษัทย่อย รวมทั้งสารสนเทศทางการเงินที่ปรากฏในรายงานประจำปี

    การประชุมคณะกรรมการบริษัท

              บริษัทจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัทอย่างน้อย 7 ครั้งต่อปี โดยกำหนดตารางการประชุมล่วงหน้าตลอดทั้งปี และแจ้งให้คณะกรรมการทราบล่วงหน้าก่อนสิ้นปีของปีปัจจุบัน เพื่อวางแผนเข้าร่วมประชุม และอาจมีการประชุมพิเศษเพิ่มตามความจำเป็น โดยมีการกำหนดวาระประชุมชัดเจนล่วงหน้า และมีวาระพิจารณาติดตามผลการดำเนินงานเป็นประจำ บริษัทจะจัดส่งหนังสือเชิญประชุมพร้อมระเบียบวาระการประชุม และเอกสารประกอบการประชุมให้กรรมการทุกท่านล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 5 วันก่อนวันประชุม เพื่อให้คณะกรรมการได้มีเวลาศึกษาข้อมูลอย่างเพียงพอก่อนเข้าร่วมประชุม เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งจัดให้มีการประชุมระหว่างกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร โดยไม่มีฝ่ายจัดการเข้าร่วมประชุมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และจัดให้มีการบันทึกรายงานการประชุมและจัดเก็บรวบรวมเอกสารที่รับรองแล้ว เพื่อใช้ในการอ้างอิงและสามารถตรวจสอบได้ โดยในการประชุมทุกครั้ง บริษัทจะจัดให้มีผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลและรายละเอียดประกอบการตัดสินใจที่ถูกต้องและทันเวลา

               ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทจะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด  จึงจะครบองค์ประชุมตามนโยบายกำกับดูแลกิจการ ในการลงมติในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทให้ถือมติของเสียงข้างมาก โดยให้กรรมการหนึ่งคนมีหนึ่งเสียง และขณะที่คณะกรรมการบริษัทลงมติ ต้องมีกรรมการอยู่ในที่ประชุมไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่มาประชุม โดยกรรมการที่มีส่วนได้เสียในวาระใดจะไม่เข้าร่วมประชุมและใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนในวาระนั้น ทั้งนี้ ในกรณีที่คะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด

    การประเมินผลงานของคณะกรรมการ

              บริษัทจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่งเลขานุการบริษัทจะเป็นผู้ส่งแบบประเมินผลคณะกรรมการให้แก่คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อย เพื่อใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการทั้งคณะ (As a Whole) และประเมินผลการปฏิบัติงานของตนเอง (Self-assessment) รวมทั้งส่งแบบประเมินผลการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารให้แก่ประธานกรรมการและคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน สำหรับใช้ประเมินการทำงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จากนั้นรวบรวมคะแนนและสรุปผลต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาทบทวนผลงาน ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานระหว่างปีที่ผ่านมาและปรับปรุงแก้ไขต่อไป โดยมีเกณฑ์การประเมินผลคิดเป็นร้อยละจากคะแนนเต็ม ดังนี้

    ร้อยละ    90 – 100                  =              ดีเยี่ยม
    ร้อยละ    76 – 89                    =              ดีมาก
    ร้อยละ    66 – 75                    =              ดี
    ร้อยละ    50 – 65                    =              พอใช้
    ต่ำกว่าร้อยละ 50                     =              ควรปรับปรุง

    แผนการกำหนดผู้สืบทอดตำแหน่ง (Succession Planning)

              บริษัทได้มีการกำหนดผู้สืบทอดตำแหน่งงานที่สำคัญ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการมอบหมายให้คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนดำเนินการดูแลให้มีการจัดทำแผนสืบทอดตำแหน่งของผู้บริหารสูงสุดของบริษัท และทบทวนแผนดังกล่าวเป็นระยะ เพื่อความเหมาะสม โดยพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น คุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ของแต่ละตำแหน่งงาน และประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายเหมาะสมที่สามารถสืบทอดในแต่ละตำแหน่ง

    ค่าตอบแทนของกรรมการ

              เพื่อให้การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการมีความโปร่งใสและเหมาะสมกับหน้าที่รับผิดชอบ คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนกำหนดนโยบายการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่กรรมการภายใต้หลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและโปร่งใส โดยค่าตอบแทนดังกล่าวจะต้องเหมาะสมกับหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยกรรมการที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่และความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ควรได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับหน้าที่และความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายนั้น คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนจะนำเสนอผลการพิจารณาต่อที่ประชุมคณะกรรมการหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติค่าตอบแทนกรรมการต่อไป ทั้งนี้ค่าตอบแทนดังกล่าวจะต้องไม่สูงเกินความจำเป็นและสามารถเทียบเคียงได้กับอัตราทั่วไปของธุรกิจเดียวกัน โดยพิจารณาจากประสบการณ์ ความชำนาญ ความตั้งใจและความทุ่มเทในการปฏิบัติงาน ประกอบกับผลงานหรือประโยชน์ที่กรรมการรายนั้นทำให้แก่บริษัท

    การพัฒนากรรมการและผู้บริหาร

              คณะกรรมการบริษัทมีนโยบายส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้มีการฝึกอบรมและให้ความรู้แก่ผู้เกี่ยวข้องในระบบการกำกับดูแลกิจการของบริษัท เช่น กรรมการ กรรมการตรวจสอบ ผู้บริหาร และเลขานุการบริษัท เป็นต้น เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง การฝึกอบรมและให้ความรู้อาจกระทำเป็นการภายในบริษัท หรือใช้บริการของสถาบันภายนอกก็ได้ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการหรือมีกรรมการเข้าใหม่ ฝ่ายจัดการจะจัดให้มีเอกสารหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการเข้าใหม่ รวมถึงจัดให้มีการแนะนำลักษณะธุรกิจ แนวทางการดำเนินธุรกิจ และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาโดยผู้บริหารระดับสูง เพื่อให้กรรมการรายใหม่มีความเข้าใจในธุรกิจ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่

              คณะกรรมการบริษัทอาจจัดให้มีการหมุนเปลี่ยนงานที่ได้รับมอบหมายตามความถนัดของผู้บริหารและพนักงาน โดยพิจารณาตามความเหมาะสมของงานและเวลาเป็นหลัก โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารจะกำหนดช่วงเวลาและพิจารณาผลการปฏิบัติงานดังกล่าวเพื่อเป็นแผนพัฒนาและสืบทอดงานของบริษัท ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาผู้บริหารและพนักงานให้มีความรู้ความสามารถในการทำงานมากขึ้นและให้สามารถทำงานแทนกันได้

    ความซื่อสัตย์และจริยธรรม

                    ความซื่อสัตย์และจริยธรรมเป็นรากฐานทางธุรกิจที่สำคัญของบริษัทตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้ผู้มีส่วนได้เสียเชื่อมั่นว่าบริษัทและพนักงานจะประพฤติปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบอย่างสูงสุด พนักงานทุกคนได้รับการปลูกฝังให้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ซื่อตรง ความเอาใจใส่ ความน่าเชื่อถือ ความจงรักภักดี ความไว้วางใจ และการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ บริษัทจึงถือว่าความซื่อสัตย์และจริยธรรมเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของพนักงานทุกคน

                    บริษัทในกลุ่มของ TPBI กรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน มีความมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานในเรื่องความซื่อสัตย์และจริยธรรม ซึ่งรวมถึง

    1)      การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
    2)      ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ต้องได้รับการเปิดเผยและจัดการอย่างเหมาะสม ให้มั่นใจว่าบุคคลที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องอย่างมีสาระสำคัญไม่มีส่วนในกระบวนการตัดสินใจในเรื่องนั้น
    3)      ไม่อนุญาตให้พนักงานรับหรือเสนอ เงินสด ของขัญที่มีมูลค่า หรือผลประโยชน์อื่นใด ซึ่งอาจตีความว่าเป็นการรับหรือให้สินบน
    4)      ประเด็นด้านจริยธรรมต้องได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส    

             

    2.         คณะกรรมการชุดย่อย        

              คณะกรรมการบริษัทได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของคณะกรรมการบริษัทในการสอบทานหรือพิจารณาศึกษาเรื่องต่างๆ ที่สำคัญในรายละเอียด  ดังนี้ 

    1.      คณะกรรมการตรวจสอบ ประกอบด้วยกรรมการอิสระจำนวนอย่างน้อย 3 ท่าน เพื่อทำหน้าที่ช่วยสนับสนุนคณะกรรมการบริษัทในการกำกับดูแลและตรวจสอบการบริหารงาน การควบคุมภายใน การบริหารความเสี่ยง รวมทั้งการจัดทำรายงานทางการเงิน เพื่อให้การปฏิบัติงานและการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทเป็นไปอย่างโปร่งใสและน่าเชื่อถือ โดยคณะกรรมการตรวจสอบได้มีการแต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อทำหน้าที่ในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งสนับสนุนงานของคณะกรรมการตรวจสอบโดยการให้คำแนะนำในเรื่องข้อกำหนดตามกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ และประสานงานให้มีการปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการตรวจสอบ

     2.      คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน ประกอบด้วยกรรมการบริษัทจำนวนอย่างน้อย 3 ท่าน ซึ่งประกอบด้วยกรรมการอิสระอย่างน้อยกึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนทั้งหมด และประธานคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเป็นกรรมการอิสระ เพื่อทำหน้าที่สรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของบริษัท รวมทั้งพิจารณารูปแบบ และหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนของกรรมการและผู้บริหารระดับสูงเพื่อเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาอนุมัติ หรือนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติต่อไป (แล้วแต่กรณี)

    3.       คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วยกรรมการบริษัทและ/หรือผู้บริหารระดับสูงขององค์กร จำนวนอย่างน้อย 3 ท่าน และกรรมการท่านหนึ่งเป็นประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เพื่อทำหน้าที่ในการกำกับดูแลระบบและกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

    4.       คณะกรรมการความยั่งยืนและบรรษัทภิบาล ประกอบด้วยกรรมการบริษัทจำนวนอย่างน้อย 3 ท่าน ซึ่งประกอบด้วยกรรมการอิสระอย่างน้อยกึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการความยั่งยืนและบรรษัทภิบาลทั้งหมด และประธานคณะกรรมการความยั่งยืนและบรรษัทภิบาลเป็นกรรมการอิสระ เพื่อทำหน้าที่ในการกำกับดูแลงานด้านกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท

     

    3.         นโยบายการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการและผู้บริหารระดับสูงสุด

              คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนมีหน้าที่ในการสรรหาบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารระดับสูงสุดเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการหรือผู้ถือหุ้น (แล้วแต่กรณี) ซึ่งนอกเหนือจากการเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมโดยคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนแล้ว บริษัทยังสนับสนุนให้กรรมการ กรรมการอิสระและผู้ถือหุ้น ร่วมกันเสนอชื่อบุคคลที่มีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณา

    นโยบายความหลากหลายของกรรมการ

                    การสรรหากรรมการจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของความหลากหลายของคณะกรรมการบริษัทในด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงประวัติการศึกษา ประสบการณ์ในวิชาชีพ ทักษะและความรู้ โดยไม่จำกัดเพศ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา หรือ ความแตกต่างอื่นใด

    1. การสรรหากรรมการ

    การคัดเลือกบุคคลที่จะแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัท จะกระทำโดยคณะกรรมการเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกโดยใช้หลักเกณฑ์ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ ความน่าเชื่อถือ และฐานข้อมูลกรรมการในการสรรหากรรมการใหม่ รวมทั้งต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาแต่งตั้ง โดยบริษัทได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

              1.      คณะกรรมการบริษัทประกอบด้วยกรรมการไม่เกิน 12 คน โดยกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจะต้องมีถิ่นอยู่ในราชอาณาจักร และกรรมการของบริษัทจะต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด

               2.      การเลือกตั้งกรรมการโดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นนั้น ให้ใช้วิธีเสียงข้างมากตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังนี้

                        2.1  ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับหนึ่งหุ้นต่อหนึ่งเสียง
                        2.2  ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะใช้คะแนนเสียงที่มีอยู่ทั้งหมดตามข้อ 2.1 เลือกตั้งบุคคลเดียวหรือหลายคนเป็นกรรมการก็ได้ ในกรณีที่เลือกตั้งบุคคลหลายคนเป็นกรรมการ จะแบ่งคะแนนเสียงให้แก่ผู้ใดมากน้อยเพียงใดไม่ได้
                        2.3  ในกรณีเลือกตั้งบุคคลหลายคนเป็นกรรมการ ให้บุคคลที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการเท่าจำนวนกรรมการที่จะพึงมีหรือจะพึงเลือกตั้งในครั้งนั้น ในกรณีที่บุคคลซึ่งได้รับการเลือกตั้งในลำดับถัดลงมามีคะแนนเสียงเท่ากันเกินจำนวนกรรมการที่จะพึงมีหรือจะพึงเลือกตั้งในครั้งนั้น ให้ประธานที่ประชุมเป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด

              3.      ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีทุกครั้ง ให้กรรมการออกจากตำแหน่งเป็นจำนวนหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการในขณะนั้น ถ้าจำนวนกรรมการที่จะแบ่งออกให้ตรงเป็นสามส่วนไม่ได้ ก็ให้ออกโดยจำนวนที่ใกล้ที่สุดกับส่วนหนึ่งในสาม กรรมการที่จะต้องออกจากตำแหน่งในปีแรกและปีที่สองภายหลังจดทะเบียนนั้น ให้จับสลากกัน ส่วนปีหลังๆ ต่อไป ให้กรรมการคนที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดนั้นเป็นผู้ออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ กรรมการที่ออกตามวาระนั้นอาจถูกเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ก็ได้

              4.      กรรมการคนใดจะลาออกจากตำแหน่งให้ยื่นใบลาออกต่อบริษัท และจะแจ้งการลาออกของตนให้นายทะเบียนทราบด้วยก็ได้ ทั้งนี้ การลาออกให้มีผลนับแต่วันที่ใบลาออกถึงบริษัท

               5.      ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระ ให้คณะกรรมการเลือกบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เข้าเป็นกรรมการแทนในการประชุมคณะกรรมการคราวถัดไป โดยบุคคลซึ่งเข้าเป็นกรรมการแทนดังกล่าวจะอยู่ในตำแหน่งของกรรมการได้เพียงเท่าวาระที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่ง โดยมติของคณะกรรมการดังกล่าวจะต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการที่ยังเหลืออยู่

               6.      ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอาจลงมติให้กรรมการคนใดออกจากตำแหน่งก่อนถึงคราวออกตามวาระได้ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง และมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

               7.      ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการอิสระคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการบริษัท โดยมีบทบาท อำนาจ หน้าที่ที่แบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันมิให้เกิดสถานการณ์ที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีอำนาจอย่างไม่มีข้อจำกัด และให้มีการถ่วงดุลอำนาจอย่างเหมาะสม โดยประธานกรรมการบริษัทจะไม่ดำรงตำแหน่งใดๆ ในคณะกรรมการชุดย่อย และจะเลือกกรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นรองประธานกรรมการก็ได้ในกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควร

     Skill Matrix TPBI 2024

     2.      การสรรหากรรมการอิสระ

    บริษัทกำหนดองค์ประกอบคณะกรรมการบริษัทให้ประกอบด้วยกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดของบริษัท และมีจำนวนกรรมการอิสระอย่างน้อย 3 คน โดยคณะกรรมการบริษัทหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น (แล้วแต่กรณี) เป็นผู้แต่งตั้งกรรมการอิสระเข้าร่วมในคณะกรรมการบริษัท

    บุคคลที่จะมาทำหน้าที่เป็นกรรมการอิสระจะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามของกรรมการตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รวมถึงประกาศ ข้อบังคับ และ/หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยจะพิจารณาคุณวุฒิการศึกษา ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ประสบการณ์การทำงาน และความเหมาะสมอื่นๆ ประกอบกัน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทหรือผู้ถือหุ้น (แล้วแต่กรณี) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการอิสระของบริษัทต่อไป ทั้งนี้ หากมีกรรมการอิสระคนหนึ่งคนใดพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ คณะกรรมการบริษัทอาจแต่งตั้งกรรมการอิสระที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดข้างต้นเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน โดยกรรมการอิสระที่เข้าเป็นกรรมการแทนจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่าวาระที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการอิสระที่ตนแทน

                    ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดคุณสมบัติของกรรมการอิสระ ดังนี้

    1.   ถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 0.5 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท ทั้งนี้ ให้นับรวมการถือหุ้นของผู้ที่เกี่ยวข้องของกรรมการอิสระรายนั้นๆ ด้วย

    2.   ไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการที่มีส่วนร่วมบริหารงาน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษาที่ได้เงินเดือนประจำ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทย่อยลำดับเดียวกัน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าว มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนเข้ารับตําแหน่ง ทั้งนี้ ลักษณะต้องห้ามดังกล่าว ไม่รวมถึงกรณีที่กรรมการอิสระเคยเป็นข้าราชการ หรือที่ปรึกษาของส่วนราชการซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท

    3.    ไม่เป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต หรือโดยการจดทะเบียนตามกฎหมายในลักษณะที่เป็นบิดามารดา คู่สมรส พี่น้องและบุตร รวมทั้งคู่สมรสของบุตรของผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้มีอำนาจควบคุม หรือบุคคลที่จะได้รับการเสนอให้เป็นผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทหรือบริษัทย่อย

    4.   ไม่มีหรือเคยมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
    หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท ในลักษณะที่อาจเป็นการขัดขวางการใช้วิจารณญาณอย่างอิสระของตน รวมทั้งไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ถือหุ้นที่มีนัย หรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนเข้ารับตําแหน่ง

    ความสัมพันธ์ทางธุรกิจข้างต้น รวมถึงการทํารายการทางการค้าที่กระทําเป็นปกติเพื่อประกอบกิจการการเช่าหรือให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ รายการเกี่ยวกับสินทรัพย์หรือบริการ หรือการให้หรือรับความช่วยเหลือทางการเงินด้วยการรับหรือให้กู้ยืม ค้ำประกัน การให้สินทรัพย์เป็นหลักประกันหนี้สิน รวมถึงพฤติการณ์อื่นทํานองเดียวกัน ซึ่งเป็นผลให้บริษัทหรือคู่สัญญามีภาระหนี้ที่ต้องชําระต่ออีกฝ่ายหนึ่ง ตั้งแต่ร้อยละ 3 ของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทหรือตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป แล้วแต่จํานวนใดจะต่ำกว่า ทั้งนี้ การคํานวณภาระหนี้ดังกล่าวให้เป็นไปตามวิธีการคํานวณมูลค่าของรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุนว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการทํารายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยอนุโลม แต่ในการพิจารณาภาระหนี้ดังกล่าว ให้นับรวมภาระหนี้ที่เกิดขึ้นในระหว่างหนึ่งปีก่อนวันที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบุคคลเดียวกัน

    5.    ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท และไม่เป็นผู้ถือหุ้นที่มีนัย ผู้มีอำนาจควบคุม หรือหุ้นส่วนของสำนักงานสอบบัญชี ซึ่งมีผู้สอบบัญชีของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทสังกัดอยู่ เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนเข้ารับตําแหน่ง

    6.    ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ให้บริการทางวิชาชีพใดๆ ซึ่งรวมถึงการให้บริการเป็นที่ปรึกษากฎหมาย หรือที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งได้รับค่าบริการเกินกว่า 2 ล้านบาทต่อปีจากบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท และไม่เป็นผู้ถือหุ้นที่มีนัย ผู้มีอำนาจควบคุม หรือหุ้นส่วนของผู้ให้บริการทางวิชาชีพนั้นด้วย เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนเข้ารับตําแหน่ง

    7.    ไม่เป็นกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของกรรมการของบริษัท ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เช่น การมีข้อตกลงใน shareholders agreement เกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการเพื่อเป็นตัวแทนและดูแลผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

    8.    ไม่ประกอบกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันที่มีนัยกับกิจการของบริษัทหรือบริษัทย่อย หรือไม่เป็นหุ้นส่วนที่มีนัยในห้างหุ้นส่วน หรือเป็นกรรมการที่มีส่วนร่วมบริหารงาน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษาที่รับเงินเดือนประจำ หรือถือหุ้นเกินร้อยละหนึ่งของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทอื่น ซึ่งประกอบกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันที่มีนัยกับกิจการของบริษัทหรือบริษัทย่อย

    9.    ไม่มีลักษณะอื่นใดที่ทำให้ไม่สามารถให้ความเห็นอย่างเป็นอิสระเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท ทั้งจากฝ่ายบริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทั้งนี้ โดยทั่วไปการแสดงความเห็นอย่างอิสระหมายความถึงการแสดงความเห็นหรือรายงานตามภารกิจที่ได้มอบหมายโดยไม่ต้องคํานึงถึงผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือตําแหน่งหน้าที่ และไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบุคคล หรือกลุ่มบุคคลใด รวมถึงไม่อยู่ภายใต้สถานการณ์ใดๆ ที่อาจบีบบังคับให้ไม่สามารถแสดงความเห็นได้อย่างตรงไปตรงมา

    ภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการอิสระที่มีลักษณะเป็นไปตาม 1 ถึง 9 ข้างต้นแล้ว กรรมการอิสระอาจได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท ให้ตัดสินใจในการดําเนินกิจการของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทย่อยลําดับเดียวกัน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท โดยมีการตัดสินใจในรูปแบบขององค์คณะ (collective decision) ได้

    3.      การสรรหากรรมการตรวจสอบ

              คณะกรรมการตรวจสอบ ประกอบด้วยกรรมการที่เป็นกรรมการอิสระอย่างน้อย 3 คน มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 3 ปี โดยคณะกรรมการบริษัทหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น (แล้วแต่กรณี) เป็นผู้แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบ

              คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนจะสรรหากรรมการตรวจสอบที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามที่ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.28/2551 เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2551 (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) กำหนด ดังนี้

    1.   เป็นกรรมการอิสระที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้น และ

    1.1    ไม่เป็นกรรมการที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท ให้ตัดสินใจในการดำเนินกิจการของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทย่อยลำดับเดียวกัน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท และ

    1.2    ไม่เป็นกรรมการของบริษัทใหญ่ บริษัทย่อย หรือบริษัทย่อยลำดับเดียวกัน เฉพาะที่เป็นบริษัทจดทะเบียน

    2.   มีหน้าที่ลักษณะเดียวกับที่กำหนดไว้ตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าด้วยคุณสมบัติและขอบเขตการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบ

    3.   มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอที่จะสามารถทำหน้าที่ในฐานะกรรมการตรวจสอบ ทั้งนี้ ต้องมีกรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 1 คนที่มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอที่จะสามารถทำหน้าที่ในการสอบทานความน่าเชื่อถือของงบการเงินได้

     

    4.       การสรรหาผู้บริหาร

                    ในการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งผู้บริหารนั้น คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนจะพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถและคุณสมบัติที่เหมาะสม เพื่อดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในแต่ละฝ่ายงาน โดยจะพิจารณาจากคุณสมบัติ ความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถ และคุณสมบัติเฉพาะในด้านต่างๆ ในสายงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีความจำเป็นและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจของบริษัท เพื่อให้การดำเนินงานขององค์กรประสบผลสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารต้องดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียนอื่นอีกไม่เกิน 1 บริษัท และเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการบริษัท โดยคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนจะนำเสนอชื่อบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกต่อคณะกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณาแต่งตั้งต่อไป

    บทบาทหน้าที่ของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

             1.    ดูแล บริหาร ดำเนินงาน และปฏิบัติงานประจำตามปกติธุรกิจเพื่อประโยชน์ของบริษัทให้เป็นไปตามนโยบาย วิสัยทัศน์ เป้าหมาย แผนการดำเนินธุรกิจ และงบประมาณที่กำหนดโดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท

             2.    บริหารจัดการและกำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัท ด้านการเงิน การตลาด งานบริหารบุคคล และด้านการปฏิบัติงานอื่นๆ โดยรวม เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายและสอดคล้องกับแผนการดำเนินงาน งบประมาณ และกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริษัท

             3.    มีอำนาจจ้าง แต่งตั้ง โยกย้าย ปลดออก เลิกจ้าง และกำหนดอัตราค่าจ้าง ค่าตอบแทน บำเหน็จรางวัล เงินโบนัส รวมถึงการปรับขึ้นเงินเดือนสำหรับพนักงานบริษัทในตำแหน่งที่ต่ำกว่าประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภายใต้กรอบ และนโยบายที่คณะกรรมการบริษัทกำหนดไว้และ/หรือตามที่กำหนดไว้ในอำนาจอนุมัติ (Authority Limits)

             4.    เจรจา และเข้าทำสัญญา สั่งจ่ายเงิน และ/หรือ ธุรกรรมใดๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท ทั้งนี้ วงเงินสำหรับแต่ละรายการให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการบริษัทกำหนด และ/หรือตามที่กำหนดไว้ในอำนาจอนุมัติ (Authority Limits)

             5.    อนุมัติการกู้ยืมเงิน และการขอสินเชื่อใดๆ จากสถาบันการเงิน การให้กู้ยืม ตลอดจนการจำนำ จำนอง หรือเข้าเป็นผู้ค้ำประกันของบริษัทและบริษัทย่อย และการลงทุนของบริษัท ภายในวงเงินตามที่กำหนดไว้ในอำนาจอนุมัติ (Authority Limits)

             6.    ออกคำสั่ง ระเบียบ ประกาศ และบันทึกต่างๆ ภายในบริษัทเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามนโยบาย และเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท รวมถึงรักษาระเบียบวินัยภายในองค์กร

             7.    ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท

             8.    มอบอำนาจให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือหลายคนปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

              ทั้งนี้ การมอบอำนาจ หน้าที่และความรับผิดชอบของประธานเจ้าหน้าที่บริหารนั้น จะไม่มีลักษณะเป็นการมอบอำนาจหรือมอบอำนาจช่วงที่ทำให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือผู้รับมอบอำนาจจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารสามารถอนุมัติรายการที่ตนหรือบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง (ตามที่นิยามไว้ในประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน) อาจมีส่วนได้เสีย หรืออาจได้รับประโยชน์ในลักษณะใดๆ หรืออาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อื่นใดกับบริษัทหรือบริษัทย่อยของบริษัท ยกเว้นเป็นการอนุมัติรายการที่เป็นไปตามนโยบายและหลักเกณฑ์ที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติไว้

     

    4.         นโยบายการกำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัทย่อย

              บริษัทมีนโยบายการลงทุนและการกำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัทย่อย โดยจะลงทุนในธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่อง ใกล้เคียงและก่อให้เกิดประโยชน์ และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัท เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและ ผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งต้องไม่เป็นบริษัทที่มีบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งกับบริษัท เช่น กรรมการ ผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ร่วมถือหุ้นในบริษัทย่อย เกินกว่าร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทย่อยนั้น เว้นแต่แสดงได้ว่าการจัดโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทย่อย เพื่อให้บริษัทสามารถควบคุมดูแลกิจการและการดำเนินงานของบริษัทย่อยได้เสมือนเป็นหน่วยงานหนึ่งของบริษัท บริษัทจึงกำหนดให้การเสนอชื่อและการใช้สิทธิออกเสียง ในการแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการในบริษัทย่อยจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทก่อน โดยบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการในบริษัทย่อย มีหน้าที่ติดตามดูแลบริษัทย่อยให้ดำเนินการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญต่างๆ อย่างครบถ้วนถูกต้องเป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ดูแลควบคุมให้บริษัทย่อยมีระบบการควบคุมภายในที่เหมาะสมและรัดกุมเพียงพอ ดูแลให้กรรมการและผู้บริหารของบริษัทย่อยให้ปฏิบัติตามหน้าที่ และความรับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนด  อีกทั้งดำเนินการเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของบริษัทย่อยนั้น ๆ (ไม่ใช่ต่อบริษัท) และสอดคล้องกับนโยบายของบริษัท บริษัทได้กำหนดให้บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งนั้น ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทก่อนที่จะไปลงมติ หรือใช้สิทธิออกเสียงในเรื่องสำคัญในระดับเดียวกับที่ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท หากเป็นการดำเนินการโดยบริษัทเอง สำหรับการทำรายการระหว่างบริษัทย่อยกับบุคคลที่เกี่ยวโยง การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินที่มีนัยสำคัญ หรือการทำรายการสำคัญอื่นใดของบริษัทย่อย เช่น การเลิกบริษัทย่อย การอนุมัติการเพิ่มทุนหรือลดทุน ต้องได้รับมติจากที่ประชุมคณะกรรมการหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อนการทำรายการดังกล่าว โดยที่ผ่านมา บริษัทได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับรายการที่เกี่ยวโยงกันและรายการที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ การส่งกรรมการเพื่อเป็นตัวแทนในบริษัทย่อยดังกล่าว เป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทและ/หรือข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้นในบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วมดังกล่าว   

              นอกจากนี้ ในกรณีเป็นบริษัทย่อย บริษัทกำหนดระเบียบให้บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งจากบริษัทนั้น ต้องดูแลให้บริษัทย่อยมีการดำเนินการในเรื่องการทำรายการเกี่ยวโยง การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ หรือการทำรายการสำคัญอื่นใดของบริษัทดังกล่าว ให้ครบถ้วนถูกต้อง โดยใช้หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลและการทำรายการข้างต้นในลักษณะเดียวกับหลักเกณฑ์ของบริษัท รวมถึงต้องกำกับดูแลให้มีการจัดเก็บข้อมูล และการบันทึกบัญชีของบริษัทย่อยให้บริษัทสามารถตรวจสอบ และรวบรวมมาจัดทำงบการเงินรวมได้ทันกำหนดด้วย

     

    5.         นโยบายการดูแลเรื่องการใช้ข้อมูลภายใน

               บริษัทตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันการใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ต่อตนเองหรือผู้อื่นของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเสมอภาคต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกราย รวมทั้งให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์และระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการใช้ข้อมูลภายใน และประกาศให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ได้รับทราบและปฏิบัติตาม โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

         1.       กรรมการและผู้บริหาร (ซึ่งหมายความรวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ) ต้องการซื้อขายหุ้นบริษัท ต้องแจ้งต่อเลขานุการบริษัทอย่างน้อย 1 วันก่อนการซื้อขายหุ้นบริษัท ตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการและต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตามมาตรา 59 และบทกำหนดโทษตามมาตรา 275 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ และให้เลขานุการบริษัทรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ดังกล่าว ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในคราวถัดไป

          2.       ห้ามกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ใช้ข้อมูลภายในที่เป็นสาระสำคัญซึ่งมีผลหรืออาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหลักทรัพย์ เพื่อประโยชน์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท และห้ามเปิดเผยข้อมูลภายในต่อบุคคลภายนอก หรือผู้ที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนที่จะมีการเปิดเผยให้ประชาชนทราบโดยทั่วถึงกันผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานที่อยู่ในหน่วยงานที่ได้รับข้อมูล
    ภายในของบริษัทต้องไม่ใช้ข้อมูลดังกล่าวก่อนเปิดเผยสู่สาธารณชน และห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทโดยตนเอง คู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายโดยทางตรงหรือทางอ้อม (เช่น Nominee ผ่านกองทุนส่วนบุคคล) ภายใน 30 วันก่อนมีการเปิดเผยงบการเงินรายไตรมาสและงบการเงินประจำปีและหลังการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวอย่างน้อย 2 วัน ทั้งนี้ หากมีการกระทำอันฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะถือเป็นความผิดทางวินัยตามข้อบังคับการทำงานของบริษัท โดยจะพิจารณาลงโทษตามควรแก่กรณี ตั้งแต่ การตักเตือนด้วยวาจา  การตักเตือนเป็นหนังสือ การภาคทัณฑ์ ตลอดจนการเลิกจ้างให้พ้นสภาพการเป็นพนักงาน

    6.          การนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนปี 2560 ไปปรับใช้

              บริษัทได้ทบทวนนโยบายการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance Policy) โดยอ้างอิงจากหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2555 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2560 (“CG Code”) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาพบว่าบริษัทได้นำหลักปฏิบัติส่วนใหญ่มาปรับใช้ในการดำเนินงานของบริษัทแล้ว ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะบริหารงานโดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน ส่วนประเด็นที่ยังไม่ได้ปฏิบัติดังนี้ จะนำไปพิจารณาปรับใช้ให้เหมาะสมต่อไป

  • รายงานการถือหลักทรัพย์ของกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
  • เอกสาร